'สิงคโปร์-เฟซบุ๊ค-แกร็บ'หนุนสร้างธรรมาภิบาลเอไอ

'สิงคโปร์-เฟซบุ๊ค-แกร็บ'หนุนสร้างธรรมาภิบาลเอไอ

'สิงคโปร์-เฟซบุ๊ค-แกร็บ'หนุนสร้างธรรมาภิบาลเอไอ หลังสิงคโปร์ นิว ซีแลนด์ และชิลี สรุปการเจรจาเพื่อทำข้อตกลงการค้าดิจิทัลร่วมกันที่มีเป้าหมายสนับสนุนการค้าและการลงทุน

บริษัทเทคโนโลยีชั้นนำของโลก รวมทั้งเฟซบุ๊ค ยักษ์ใหญ่สื่อสังคมออนไลน์และแกร็บ ยูนิคอร์นเรียกรถรับจ้าง เป็น2ในจำนวนกว่า10 บริษัทที่แสดงท่าทีสนับสนุนการพัฒนากรอบงานโดยรัฐบาลสิงคโปร์ ที่มีเป้าหมายเพื่อสร้างความแข็งแกร่งในการกำกับดูแลการใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์(เอไอ) โดยสองบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำได้เผยแพร่แนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับเรื่องนี้ในการประชุมเศรษฐกิจโลกที่เมืองงดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์เมื่อวันอังคารที่21ม.ค.ที่ผ่านมา

“กรอบงานเอไอในโมเดลของสิงคโปร์ จะเป็นคู่มือที่เป็นประโยชย์สำหรับองค์กรต่างๆที่ต้องการใช้เอไออย่างมีธรรมาภิบาล และมองหาแนวทางในการสร้างพื้นฐานด้านจริยธรรมเอไอในการพัฒนาผลิตภัณฑ์บริษัทและขั้นตอนการดำเนินการด้านต่างๆ ”เอริน อีแกน รองประธานเฟซบุ๊คที่รับผิดชอบด้านความเป็นส่วนตัวระบุในแถลงการณ์

ด้านแกร็บ ระบุว่า จะใช้เอกสารนี้ไปให้ความรู้และเป็นคู่มือแนะแนวทางแก่ทีมงานที่ใช้เทคโนโลยีเอไอ “โมเดลกรอบงานนี้เป็นการเริ่มต้นที่ดี โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่กำลังให้ความสำคัญกับการใช้เทคโนโลยีเอไอ พร้อมทั้งหวังว่าสมาชิกอื่นๆในประชาคมโลกจะสนับสนุนและให้การตอบรับเพื่อให้เกิดความเข้าใจกรอบงานนี้อย่างทั่วถึง” โฆษกบริษัทแกร็บ กล่าว

157982721454

นอกจากเฟซบุ๊คและแกร็บแล้ว บริษัทอื่นๆที่สนับสนุนกรอบงานดังกล่าวรวมถึงหน่วยงานให้บริการการจ่ายเงินดิจิทัลของวีซ่าและมาสเตอร์การ์ด สถาบันการเงินชื่อดังอย่างเอชเอสบีซี และธนาคารดีบีเอส บริษัทเวชภัณฑ์สัญชาติสหรัฐอย่างเอ็มเอสดี หรือที่รู้จักกันดีในชื่อเมิร์ค ส่วนกูเกิ้ล ให้การตอบรับเรื่องงนี้แต่ไม่ได้ระบุชัดเจนว่าจะสนับสนุนเอกสารกรอบงานนี้หรือไม่

ที่ผ่านมา ธนาคารกลางสิงคโปร์ (เอ็มเอเอส)ประกาศดูแลการใช้เทคโนโลยีเอไอโดยตรงให้มีความโปร่งใสและเป็นไปตามหลักจริยะธรรมภายใต้หลักการ‘ FEAT’ ซึ่งย่อมาจาก Fairness, Ethic, Accountability, Transparent เพื่อตอกย้ำว่าการใช้เอไอ และดาต้า อะนาลลิติกทั้งผลิตภัณฑ์การเงินและบริการทางการเงินต้องมีความโปร่งใส คำนึงถึงหลักจริยธรรม และมีความรับผิดชอบ

โดยหลักการนี้ครอบคลุมการใช้งานเอไอ และดาต้า อะนาลลิติก ตลอดทั้งกระบวนการ ตั้งแต่การเลือกรูปแบบข้อมูล การออกแบบเอไอ ไปจนถึงผลลัพธ์ที่ได้ต้องคำนึกถึงผลประโยชน์ในวงกว้างที่สุด ซึ่งแนวทางนี้ ไม่ได้มีขึ้นเพื่อคุ้มครองผู้บริโภคเท่านั้น แต่ยังเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับเทคโนโลยีที่อยู่เบื้องหลังภาคการเงิน ที่จะปูทางไปสู่การพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพื่อขับดันวงการฟินเทคของสิงคโปร์ให้รุดหน้าต่อไป

เมื่อเดือนมี.ค.ปีที่แล้ว สิงคโปร์ ได้กำหนดกรอบจริยธรรมการใช้เอไอ โดยกระทรวงสารสนเทศและการสื่อสารของประเทศสิงคโปร์ ได้กล่าวถึงกรอบจริยธรรมในการใช้เอไอที่มีหลักการสำคัญคือต้องเป็นการวางแผนที่มีความยืดหยุ่นและสามารถปรับให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในยุคเศรษฐกิจดิจิทัล

157982720557

เอไอ เป็นโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่มีความซับซ้อน โดยการนำเทคโนโลยีแยกแยะเสียงพูดและระบบการตัดสินใจมาใช้ ทำให้มีความฉลาดเหมือนมนุษย์ เอไอจึงเติบโตขึ้นและมีความสำคัญมากในยุคปัจจุบัน จึงจำเป็นต้องมีการวางกรอบดังกล่าวขึ้นเพื่อไม่ให้เอไอ ตกอยู่ในการควบคุมของมิจฉาชีพ โดยกรอบจริยธรรมในการใช้เอไอ ที่กำหนดขึ้นในครั้งนี้มี 2 ประการ ประการแรก การตัดสินใจโดยหรือด้วยความช่วยเหลือของเอไอนั้น ต้องสามารถอธิบายได้อย่างโปร่งใสและเป็นธรรมต่อผู้บริโภค และอีกประการสำคัญคือ การใช้เอไอต้องเป็นไปเพื่อประโยชน์ของมนุษย์เป็นที่ตั้ง

อย่างไรก็ตาม จริยธรรมในการใช้เอไอที่กล่าวมาไม่ใช่กฎหมาย เป็นแต่เพียงกรอบแนวทางสำหรับบริษัทที่จะใช้เอไอในการดำเนินธุรกิจและกิจการเท่านั้น และคาดว่าการวางกรอบดังกล่าวจะไม่กระทบต่อภาคอุตสาหกรรมใด

ส่วนกรอบงานฉบับนี้ ระบุถึงขั้นตอนต่างๆที่องค์กร หรือบริษัทควรนำไปใช้เพื่อให้แน่ใจว่าการใช้เอไอเป็นไปด้วยความรับผิดชอบและมีจริยะธรรม ครอบคลุมด้านต่างๆ อาทิ การบริหารจัดการความเสี่ยง การแทรกแซงของมนุษย์ ปฏิกิริยาของบรรดาผู้ถือหุ้นที่ได้รับผลกระทบจากเทคโนโลยี โดยเฉพาะกลุ่มต่างๆที่ใช้เอไอควรจัดตั้งหน่วยงานขึ้นมากำกับดูแลด้านเทคโนโลยี พร้อมทั้งเสนอแนะให้ตั้งระบบรายงานเพื่อติดตามผลกระทบจากการใช้เทคโนโลยี

สำหรับภาคธุรกิจที่ประเด็นด้านความปลอดภัยเป็นเรื่องสำคัญ กรอบงานฉบับนี้ เสนอให้องค์กรหรือบริษัทนั้นๆมีระบบที่สามารถใช้แทนที่เอไอได้เมื่อถึงเวลาจำเป็น พร้อมทั้งแนะนำให้ทบทวนขีดความสามารถหรือผลกระทบเชิงลบจากการใช้เทคโนโลยีชนิดนี้

เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา สิงคโปร์ นิว ซีแลนด์ และชิลี สรุปการเจรจาเพื่อทำข้อตกลงการค้าดิจิทัลร่วมกัน ภายใต้ข้อตกลงฉบับนี้มีการกำหนดกฏระเบียบในการทำอี-คอมเมิร์ซและเทคโนโลยีใหม่ๆ โดยมีเป้าหมายสนับสนุนการค้าและการลงทุน ทั้งยังผนวกส่วนของการใช้เอไออย่างมีจริยธรามไว้ในกรอบงานการใช้เอไอด้วย รวมทั้งสนับสนุนให้เกิดการทำธุรกรรมด้วยความโปร่งใส ยุติธรรมและง่ายต่อการทำความเข้าใจในการใช้เอไอ โดยข้อตกลงนี้สอดคล้องกับเอกสารที่เป็นกรอบงานเอไอของรัฐบาลสิงคโปร์

รัฐบาลสิงคโปร์ หวังว่าจะมีรัฐบาลประเทศต่างๆลงนามข้อตกลงการค้าดิจิทัลมากกว่านี้ และมีบริษัทมากขึ้นให้การสนับสนุนการใช้เอไออย่างโปร่งใสและมีจริยธรรม ภายใต้กรอบงานที่ถูกกำหนดขึ้นมาเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย

‘ซู เหลียน เจย์’หัวหน้านักวิเคราะห์จากเอบีไอ รีเสิร์ช ผู้เชี่ยวชาญด้านการวิเคราะห์ด้านเทคโนโลยี กล่าวชื่นชมการสนับสนุนให้มีการใช้เอไออย่างมีคุณธรรม จริยธรรม จากประเทศต่างๆและจากภาคเอกชนแต่ก็เตือนว่าเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลากว่าจะเห็นผล