'ชูศักดิ์' สวน 'วิษณุ' ปม ส.ส.เสียบบัตรแทนกัน บอกกม.งบฯ ไม่ชอบด้วย รธน.

'ชูศักดิ์' สวน 'วิษณุ' ปม ส.ส.เสียบบัตรแทนกัน บอกกม.งบฯ ไม่ชอบด้วย รธน.

"ชูศักดิ์" สวน "วิษณุ" ปม ส.ส.รัฐบาลเสียบบัตรแทนกันตัองใช้บรรทัดฐานเดียวกับสมัย "ยิ่งลักษณ์" เพราะประเด็นอยู่ทึ่ว่าร่างพ.ร.บ.งบฯ ตราขึ้นโดยไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ

เมื่อวันที่ 23 ม.ค. 63 นายชูศักดิ ศิรินิล รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย และประธานคณะทำงานด้านกฎหมายของพรรค ได้ให้ความเห็นต่อกรณีที่ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีด้านกฎหมาย ได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับประเด็นการเสียบบัตรลงคะแนนแทนกันของ ส.ส.ในการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ที่เกิดขึ้นในอดีต ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ กับกรณีการเสียบบัตรลงคะแนนแทนกัน ในการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 โดย นายวิษณุ เห็นว่ามีความแตกต่างกันและอาจมีผลที่ต่างกัน ซึ่งไม่อาจนำบรรทัดฐานคำวินิจฉัยเดิมมาใช้ได้นั้น

นายชูศักดิ์ กล่าวว่า หากพิจารณาหลักเกณฑ์การตรวจสอบความชอบด้วยรัฐธรรมนูญของร่างพระราชบัญญัติตามที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ มาตรา 148 วรรคหนึ่ง(1) ที่ให้สิทธิ ส.ส.หรือ ส.ว.หรือทั้ง ส.ส. และ ส.ว.จำนวน 1 ใน 10 ของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภา เข้าชื่อเสนอความเห็นต่อประธานแห่งสภานั้น หรือประธานรัฐสภา เพื่อส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยความชอบด้วยรัฐธรรมนูญของร่าง พ.ร.บ. นั้น จะมี 2 กรณี กล่าวคือ

กรณีแรก ร่าง พรบ.นั้นตราขึ้นโดยไม่ถูกต้องตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือไม่ อันเป็นการตรวจสอบเกี่ยวกับกระบวนการตราร่าง พ.ร.บ.

กรณีที่สอง ร่าง พรบ.นั้นมีข้อความขัดหรือแย้งต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือไม่ อันเป็นการตรวจสอบเกี่ยวกับเนื้อหาของร่าง พ.ร.บ.

ความไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญของร่าง พ.ร.บ.หากเป็นกรณีแรก ถือว่าร่าง พ.ร.บ.นั้นตกไปทั้งฉบับ เพราะตราขึ้นโดยไม่ชอบ แต่หากเป็นกรณีที่สองจะต้องพิจารณาว่าข้อความที่ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญนั้น เป็นสาระสำคัญของร่าง พ.ร.บ.นั้นหรือไม่ ถ้าเป็นสาระสำคัญก็ถือว่าร่าง พ.ร.บ.นั้นตกไปทั้งฉบับ แต่ถ้าไม่ใช่สาระสำคัญ ก็ตกไปเฉพาะข้อความที่ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญเท่านั้น

กรณีดังกล่าวศาลรัฐธรรมนูญเคยมีคำวินิจฉัยที่ 3-4/2557 ว่าร่างพระราชบัญญัติให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ พ.ศ....ตราขึ้นโดยไม่ถูกต้องตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ และมีข้อความขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ

โดยในส่วนที่เห็นว่า ร่าง พรบ.ดังกล่าวตราขึ้นโดยไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญนั้นมาจาก การที่มี ส.ส.ใช้บัตร ส.ส.อื่นลงคะแนนแทนกัน  เมื่อเปรียบเทียบกับการพิจารณาร่าง พรบ.งบประมาณฯ พ.ศ.2563 ซึ่งมีข้อเท็จจริงว่ามี ส.ส.กดบัตรลงคะแนนแทนกันจริงตามที่เลขาธิการสภาฯได้ตรวจสอบ แม้จะยังไม่ทราบแน่ชัดว่าเป็นผู้ใดก็ตาม แต่ก็ถือว่ากระบวนการตราร่าง พรบ.ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ส่วนการตรวจสอบต่อไปว่าผู้ใดเป็นคนกดบัตรแทนโดยกระทำไปโดยพลการหรือมีการมอบหมายหรือไม่นั้นเป็นเรื่องการหาตัวผู้กระทำผิดเท่านั้น ด้วยเหตุนี้บรรทัดฐานที่ศาลรัฐธรรมนูญเคยวินิจฉัยไว้ตามคำวินิจฉัยข้างต้นจึงยังนำมาใช้ได้

ดังนั้น การที่ นายวิษณุ อ้างว่าเป็นคนละกรณีกัน ความผิดต่างกัน โทษต่างกัน และผลต่างกัน จึงไม่น่าจะถูกต้อง ส่วนที่อ้างว่ามีการเสียบบัตรทิ้งไว้โดยที่เจ้าของไม่ได้มอบหมายหรือวานให้กดแทน นอกจากเป็นการแก้ตัวแทน ส.ส.ฝ่ายตนเองแล้ว ก็ไม่อาจนำมาอ้างได้ เพราะกระบวนการตราร่าง พ.ร.บ.ชอบด้วยรัฐธรรมนูญหรือไม่ ต้องพิจารณาจากตัวข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นว่ามีการกดบัตรแทนกันหรือไม่ เมื่อข้อเท็จจริงปรากฎชัดว่ามีการกดบัตรแทนกัน แม้ยังไม่ปรากฏชื่อผู้กระทำ แต่ถือว่ากระบวนการไม่ชอบแล้ว ยิ่ง นายวิษณุ ไปอ้างถึงความบกพร่องของเครื่องก็ยิ่งไปกันใหญ่          

สำหรับประเด็นที่ นายวิษณุ อ้างว่า ลำพังเพียงกระบวนการตราร่าง พ.ร.บ.ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ไม่ทำให้ร่างกฎหมายตกไป อาจเป็นการตีความกฎหมายที่เข้าข้างตนเองและผิดไปจากที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญมาตรา 148 วรรคหนึ่ง(1) ทั้งนี้ เพราะเมื่อกระบวนการตราร่าง พ.ร.บ.ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญต้องถือว่ามติของสภาผู้แทนราษฏรในกระบวนการตราร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ อันมีผลให้ร่าง พ.ร.บ.นั้นตราขึ้นโดยไม่ถูกต้องตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ ร่าง พ.ร.บ.จึงต้องตกไปทั้งฉบับ

นายชูศักดิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ประเทศไทยทุกวันนี้ที่มีความขัดแย้งกันมายาวนาน ส่วนหนึ่งก็มาจากการบังคับใช้กฎหมายและตีความกฎหมายที่ไม่เป็นไปตามมาตรฐานเดียวกัน ยิ่งเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ของบ้านเมืองยิ่งควรทำให้กฎหมายมีความศักดิ์สิทธิ์และบังคับใช้อย่างเสมอภาคเท่าเทียมกัน ไม่ควรมีการบิดเบือนหรือใช้อภินิหารทางกฎหมายบ่อยนัก เพราะจะทำให้ชาติบ้านเมืองเดินไปลำบาก