‘ชุดหนุมาน’ โชว์ผลงานรวบ ‘ผอ.โรงเรียน’ ชิงทองลพบุรี

‘ชุดหนุมาน’ โชว์ผลงานรวบ ‘ผอ.โรงเรียน’ ชิงทองลพบุรี

ชุดปฏิบัติการพิเศษ "หนุมาน" โชว์ผลงานรวบ “ผอ.โรงเรียน” ชิงทองลพบุรี

เบื้องหลังการจับกุม ผู้อำนวยการโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดสิงห์บุรี คนร้ายที่ก่อเหตุชิงทองกราดยิงในห้างโรบินสัน ในจังหวัดลพบุรี มีผู้เสียชีวิต 3 รายนั้น เป็นการทำงานของตำรวจหลายหน่วย ไม่ว่าจะเป็นตำรวจภูธรภาค 1 ตำรวจนครบาล กองปราบ สอบสวนกลาง ต่างระดมมือดีทั้งด้านสืบสวนและสอบสวนช่วยกันคลี่คลายคดี

หน่วยที่สามารถเข้าไปจับกุมตัวผู้ต้องหาได้ คือ กองบังคับการปราบปราบ โดยเป็นชุดปฏิบัติการสนับสนุน บก.. หรือ ชุดปฏิบัติการพิเศษ "หนุมาน" ที่ทาง พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช ผู้บังคับการปราบปราม ได้สั่งการให้ พ.ต.อ.อรุณ วชิรศรีสุกัญยา ผู้กำกับการ 2 กองปราบปราม พ.ต.อ.บุญลือ ผดุงถิ่น ผู้กำกับการ 3 กองปราบปราม และพ.ต.อ.วิจักษ์ ตารมย์ ผู้กำกับการสนับสนุน กองบังคับการปราบปราม นำกำลังเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการกองปราบ ลงพื้นที่แกะรอยผู้ต้องหารายนี้

ใช้เวลาในการแกะรอยอยู่ราว 7 วัน จนได้รับแจ้งเบาะแสจากพลเมืองดีว่าคนร้ายน่าจะเป็น ผ.อ.คนดังกล่าวจึงได้ทำการสืบสวนจากข้อมูลที่ได้ ก็พบว่ามีหลักฐานหลาย เช่น อาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุเกี่ยวพันกับ ผ.อ.โรงเรียน รวมไปถึงหลักฐานอื่นๆ ที่เชื่อมโยง จึงได้รวบรวมให้พนักงานสอบสวนกองปราบปรามรวบรวมพยานหลักฐานขอหมายจับจากศาลอาญา และศาลออกหมายจับให้เมื่อค่ำวันที่ 21 มกราคมที่ผ่านมา

ในเวลาเดียวกัน พ.ต.อ.วิจักษ์ นำเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษ "หนุมาน" กองปราบ ติดตามร่องรอยหาตัวน ผ.อ.โรงเรียน จนทราบว่าพักอยู่ที่บ้านในพื้นที่จังหวัดลพบุรี โดยรุ่งเช้าวันนี้ ผ.อ.โรงเรียน จะต้องขับรถเดินทางไปสอนหนังสือที่โรงเรียนโพธิ์ชัยสิงห์บุรี จังหวัดสิงห์บุรี เจ้าหน้าที่ชุดหนุมาน พร้อมอาวุธครบมือ ซุมรอคอยจังหวะจน ผ.อ.โรงเรียน กำลังขับรถยนต์ยี่ห้อบีเอ็มดับเบิ้ลยู รุ่นซีรีย์ 5 สีดำ  ออกจากที่พัก ทางเจ้าหน้าที่ก็สะกดรอยตามจนถึงบริเวณทางหลวงสาย 311 ตำบลท่าวุ้ง อำเภอท่าวุ้ง จังหวัดลพบุรี ก็บุกจู่โจมเข้าชาร์จพร้อมอาวุธครบมือ

ระหว่างการเข้าจับกุม ผ.อ.โรงเรียน ไม่มีท่าทีขัดขืนหรือต่อสู้เจ้าหน้าที่ เนื่องจากปฏิบัติการที่รวดเร็วจนไม่ได้ตั้งตัว จากการตรวจค้นภายในรถไม่พบอาวุธปืนที่ใช้ในการก่อเหตุ พบเพียงกระสุนปืนขนาด 9 มม.ที่เป็นขนาดเดียวกับที่ก่อเหตุ อยู่ภายในรถจำนวนหลายนัด จึงได้ยึดไว้เป็นหลักฐาน ก่อนจะคุมตัวไปยังสถานีตำรวจท่องเที่ยวลพบุรี เพื่อทำการสอบสวน

มีรายงานข่าวถึงสาเหตุที่ ผ.อ.โรงเรียน ก่อเหตุยิงคน-ปล้นทอง เป็นเพราะ "รู้สึกเบื่อกับชีวิต ต้องการหาความท้าทาย ตื่นเต้น ชีวิตจะได้มีสีสัน"  โดย ผ.อ.โรงเรียน บอกด้วยว่า รู้ตัวดีว่าหลังก่อเหตุจะถูกตำรวจตามจับกุมตัวได้อยู่แล้ว ส่วนอาวุธปืนที่ใช้ในการก่อเหตุนั้นเป็นปืนยี่ห้อ ซีแซด รุ่น เอสพี 01 ซึ่งเป็นปืนของพ่อที่เป็นอดีตตำรวจ หลังจากก่อเหตุเสร็จก็นำไปคืนพ่อเมื่อวันที่ 10 มกราคม ส่วนรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฟีโน่ สีขาว-แดง รุ่นปี 2008 เป็นรถจักรยานยนต์ของพ่อตา ซึ่งตนเองก็ยืมมาเพื่อใช้ในการก่อเหตุด้วยเช่นกัน และขณะนี้ได้นำรถไปคืนให้กับพ่อตาแล้ว

คำให้การของ ผ.อ.โรงเรียน เป็นเพียงคำให้การเบื้องต้น ซึ่งทางเจ้าหน้าที่จะต้องสอบสวนอย่าละเอียด ก่อนจะเตรียมนำตัวไปแถลงที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติในวันพรุ่งนี้ต่อไป

สิ่งสำคัญในการติดตามจับตัวคนร้ายในครั้งนี้ก็คือเบาะแสจากประชาชน โดย พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช ผู้บังคับการกองปราบปราม ได้กล่าวขอบคุณประชาชนชาวบ้านที่ให้ความร่วมมือช่วยแจ้งเบาะแสผู้ต้องสงสัยต่างๆ ซึ่งในส่วนนี้ทางกองปราบเองก็ได้เปิดกว้าง และให้ความสำคัญอยู่แล้ว จะเห็นได้ว่าที่ผ่านมาทางกองปราบมีการเปิดช่องทางติดต่อกับประชาชนผ่านทางสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ ซึ่งไม่ใช่เฉพาะคดีนี้เพียงเท่านั้นแต่ยังรวมไปถึงคดีอื่นๆอีกด้วย

นอกจากนี้ล่าสุด พล.ต.ท.สุทิน ทรัพย์พ่วง ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ลงพื้นที่จังหวัดลพบุรี และจังหวัดสิงห์บุรี เพื่อเข้าควบคุมการสืบสวนขยายผลและหาหลักฐาน และพยานเพิ่มเติม เพื่อประกอบสำนวนการสอบสวนอีกด้วย