'สมคิด' สั่งคลังสำรองแผนรับงบ 63 ล่าช้า

'สมคิด' สั่งคลังสำรองแผนรับงบ 63 ล่าช้า

“สมคิด" สั่งคลังเตรียมแผนสำรองรับมือกรณีงบรายจ่าย 63 บังคับใช้ล่าช้า จี้รัฐวิสาหกิจปรับแผนลงทุนด่วน ดันกรุงไทยร่วมแบงก์ชาติขยายปริมาณเงินเข้าระบบ พร้อมจับมือออมสินช่วยปรับหนี้ข้าราชการ

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีเปิดเผยภายหลังตรวจเยี่ยมการดำเนินการธนาคารกรุงไทยจำกัด(มหาชน)วานนี้(22ม.ค.)ได้มอบนโยบายให้ธนาคารกรุงไทยช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอี เนื่องจาก ขณะนี้ เศรษฐกิจอยู่ในภาวะที่ค่อนข้างตึงตัว และ ในอนาคตก็ไม่แน่ใจว่า งบประมาณรายจ่ายปี 2563 จะเป็นอย่างไร ดังนั้น ธนาคารกรุงไทยจะต้องเป็นแบงก์หลักให้กับรัฐบาล โดยจะต้องร่วมมือกับธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)ในการขยายปริมาณเงินเพื่อช่วยหล่อเลี้ยงระบบเศรษฐกิจ

นอกจากนี้ ยังขอให้ธนาคารกรุงไทยร่วมกับธนาคารออมสินช่วยลดภาระหนี้สินของข้าราชการ โดยเข้าไปช่วยปรับโครงสร้างหนี้ และ ลดอัตราดอกเบี้ยลง ซึ่งปัญหาหนี้สินข้าราชการนี้ เป็นนโยบายที่นายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้ช่วยดำเนินการไว้นานแล้ว เพราะภาระหนี้สินข้าราชการนั้น ถือเป็นภาระหนักและมีระยะเวลาการชำระหนี้นาน ดังนั้น ทั้งสองหน่วยงานดังกล่าวจะต้องเร่งศึกษาแนวทางและแก้ไขโดยเร็ว

“หนี้ข้าราชการ เป็นหนี้ค่อนข้างระยะยาว ก็ได้ฝากไว้ และเป็นเรื่องที่นายกรัฐมนตรีฝากไว้นานแล้วว่า ภาระค่อนข้างหนักจะให้อัตราดอกเบี้ยผ่อนปรนได้หรือไม่ ส่วนใหญ่ข้าราชการเป็นของกรุงไทยและออมสิน ก็จะมีการศึกษาร่วมกัน ควรต้องเห็นโดยเร็ว”

เขากล่าวด้วยว่า ตนยังขอให้ธนาคารกรุงไทยช่วยเป็นเสาหลักที่จะสะท้อนข้อมูลว่า อะไรเป็นอะไร เพราะเป็นแบงก์ใหญ่อันดับหนึ่งประเทศไทย ฉะนั้น เสียงของเรามีความหมายว่า ความเป็นจริงประเทศไทยเป็นอย่างไร ถ้าแบงก์อื่นขึ้นดอกเบี้ยทุกแบงก์ แต่เราลด แบงก์อื่นก็จะลดลงมา

เขากล่าวถึงกรณีนายกรัฐมนตรีตั้งตนเป็นประธานคณะกรรมการเพื่อผลักดันการลงทุนของประเทศว่า แม้ว่าจะไม่มีคณะกรรมการชุดนี้ ตนก็เร่งรัดอยู่แล้ว เมื่อมีคณะกรรมการชุดนี้ ก็ถือว่า เป็นทางการขึ้น หลักการ คือ จะพยายามให้เกิดความร่วมมือผลักดันโครงการที่ล่าช้าออกมาให้เร็วขึ้น และรายงานให้นายกรัฐมนตรีทราบ

สำหรับงบประมาณรายจ่าย 2563ที่ล่าช้าจะส่งผลกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจหรือไม่ เขากล่าวว่า ไม่อยากให้ทุกคนมองในแง่ร้าย แต่เตือนว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ ฉะนั้น ไม่ว่าจะมีอะไรก็แล้วแต่ ก็กระทบต่อประเทศโดยส่วนรวม ถ้างบประมาณออกได้ตามปกติ ก็ถือว่า ช้าอยู่แล้ว แต่ถ้าออกช้าก็จะยิ่งช้ากว่าไปอีก ฉะนั้น รัฐบาลก็จะต้องทำให้ช้าน้อยที่สุด ไม่เช่นนั้น รัฐบาลก็ไม่มีเงินมาหมุนเวียนในระบบได้

“แบบนี้ เราก็ต้องเร่งรัฐวิสาหกิจให้ปรับแผนให้มีเงินลงทุนในเยอะ ทางรัฐมนตรีคลังก็พยายามผลักดันนโยบายจูงใจให้คนมาลงทุนในปีนี้ให้ได้ ส่วนเรื่องอื่นก็พยายามแก้ไขกันอยู่ เราพยายามมองล่วงหน้า ก็หารือกับรัฐมนตรีคลังให้คิดทางออกว่า จะเป็นอย่างไร ก็รอดูเหตุการณ์ คนที่รับผิดชอบเขามีแผนสำรองทั้งนั้น ตื่นขึ้นมาก็คิดแล้ว ไม่งั้นแต่ละครั้งที่มีการประชุมจะมีนโยบายได้อย่างไร”