ฝุ่น PM2.5 ลามสภาฯ ภูมิใจไทย ยื่นญัตติด่วนตั้ง กก.วิสามัญศึกษาปัญหา

ฝุ่น PM2.5 ลามสภาฯ ภูมิใจไทย ยื่นญัตติด่วนตั้ง กก.วิสามัญศึกษาปัญหา

ฝุ่นพิษ PM2.5 ลามสภาฯ หลังฝ่ายค้านเลื่อนญัตติฝุ่นมาเป็นวาระเร่งด่วนฝ่ายค้าน ขอ สส. รัฐบาลร่วมโหวตไม่ไว้วางใจประเด็นฝุ่น หากเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจเพิ่ม

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย พร้อมด้วยสมาชิกพรรคแถลงข่าวถึงปัญหาฝุ่นละออง PM 2.5 ที่รัฐสภาในวันนี้ว่า ปัญหานี้กระทบประชาชนจำนวนมาก จึงให้ ..ของพรรค ร่วมกันร่างญัตติด่วนเสนอสภาผู้แทนราษฎร เพื่อรับฟังความเห็นของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เพื่อตั้งกรรมการวิสามัญพิจารณาเรื่องของฝุ่น และหาวิธีในระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว เพื่อแก้ปัญหาให้กับประชาชน ให้ได้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่มีคุณภาพ

ทั้งนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เป็นผู้ยื่นญัตติผ่าน นายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร, นายศักดิ์สยามกล่าว

โดยวานนี้ ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) นายสุทิน คลังแสง แถลงหลังการประชุมวิปฝ่ายค้านว่า ที่ประชุมมีมติที่จะเลื่อนญัตติการแก้ไขปัญหาฝุ่น PM 2.5 ขึ้นมาเป็นวาระการพิจารณาเร่งด่วน และจะขอให้ตั้งคณะกรรมาธิการศึกษาเรื่องนี้เป็นการเร่งด่วนด้วย

ปัญหาฝุ่นพิษ PM2.5 ที่กำลังสร้างผลกระทบต่อสุขภาพของคนในกรุงเทพฯ เวลานี้ ทำให้หลายฝ่ายออกมาแสดงความไม่พอใจรัฐบาล รวมทั้งนักการเมืองหลายพรรคที่ออกมาตำหนิ และเสนอทางออกต่างๆ ในเวลานี้ 

ร.ต.อ.วัฒนรักษ์ อำนรรฆสรเดช กรรมการกิจการพิเศษ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ปัจจุบันมีประชาชนคนไทยจำนวนมาก ทั้งนักวิชาการ นักการเมือง และดารา ออกมาพูดถึงปัญหาฝุ่นพิษ PM2.5 เพราะความที่ต้องออกจากบ้านแล้วต้องสัมผัสพบเจอกับควันพิษสีขาวลอยเต็มท้องฟ้า ในทุกๆวัน แต่ก็ยังไม่เห็นรัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ออกมาดำเนินการแก้ไขปัญหานี้ให้กับประชาชนอย่างจริงจัง ทั้ง ๆ ที่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ยกให้ปัญหาฝุ่นพิษ PM 2.5 เป็นวาระแห่งชาติตั้งแต่ปี 2562  

โดยหลังจากหยุดยาวปีใหม่ คนกรุงเทพมหานครและปริมณฑล กลับมาพบค่าฝุ่นพิษ PM2.5 เกินมาตรฐาน และมีผลกระทบต่อสุขภาพมากถึง 45 พื้นที่ ซึ่งจะเห็นได้ว่ามีแผนปฎิบัติการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติการแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง ซึ่งเกี่ยวพันหลายกระทรวง รวมถึงกรุงเทพมหานคร แต่ก็ยังไม่มีอะไรที่เป็นรูปธรรม แต่กลายเป็นว่าปัญหาฝุ่นพิษกลับเพิ่มปริมาณสูงขึ้นเป็นระยะๆ 

จึงก่อให้เกิดเสียงเรียกร้องจากประชาชนจำนวนมากเพราะสิ่งที่ประชาชนคาดหวังจะได้รับจากรัฐบาลคือการเร่งรีบแก้ไขปัญหานี้อย่างจิงจังและยั่งยืนไม่ใช่แก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปวันๆ ดังนั้นประชาชนจึงต้องพึ่งพาตนเอง เพราะผิดหวังการทำงานของรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ ในการแก้ปัญหา ซึ่งหากเป็นเช่นนี้เราจะมีรัฐบาลแบบนี้ไปทำไมกัน, ร.ต.อ.วัฒนรักษ์ กล่าว พร้อมตั้งคำถามว่ารัฐบาลได้ทำอะไรไปบ้างแล้ว

ร.ต.อ.วัฒนรักษ์ กล่าวอีกว่า คณะกรรมการควบคุมมลพิษ คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ และคณะกรรมการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ มีข้าราชการการระดับสูงจำนวนมาก อาทิเช่น นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี และปลัดกระทรวง ซึ่งไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญในเรื่องนี้ ประกอบกับมีภาระหน้าที่จากงานประจำที่หนักอยู่แล้ว การทำงานจึงล่าช้าและทำให้ไม่ประสบผลสำเร็จเท่าที่ควรหรือไม่ 

ดังนั้นหากเป็นแบบนี้ อาจจะต้องมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ เพิ่มอีก 1 หัวข้อ โดยพรรคฝ่ายค้าน และถ้าหากรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ ไม่สามารถแก้ไขปัญหานี้ได้ก็ควรลาออกไป, ร.ต.อ.วัฒนรักษ์กล่าว พร้อมขอให้ ส.ส. ฝ่ายรัฐบาลควรที่จะเล็งเห็นผลประโยชน์สุขภาพของประชาชน เป็นหลัก และร่วมโหวตไม่ไว้วางใจ โดยเฉพาะพรรคภูมิใจไทย

ทางด้านพรรคประชาธิปัตย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และประธาน ส.ส. พรรคฯ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ยื่นหนังสือต่อคณะทำงานของประธานสภาเสนอญัตติด่วนแก้ปัญหาฝุ่นละออง PM 2.5 ที่ส่งผลกระทบต่อประชาชนเป็นวงกว้างทั้งใน กทม. และ ต่างจังหวัด ซึ่งผลกระทบดังกล่าวยังไม่มีทีท่าว่าจะทุเลาเบาบางลง

ซึ่งการยื่นญัตติเข้าที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อให้รับทราบถึงปัญหาและหามาตรการแก้ไข และแม้ว่ารัฐบาลจะมีมาตรการออกมาเมื่อวานนี้ แต่ส่วนตัวมองว่าสภาผู้แทนราษฎรก็ควรเป็นอีกด้านหนึ่งที่ร่วมกันช่วยแก้ปัญหานี้ เป็นอีกหนึ่งเสียงสะท้อนปัญหาของประชาชนถึงปัญหามลพิษ และสภาผู้แทนราษฎรจะเป็นเวทีที่จะช่วยแก้ปัญหาให้กับประชาชนด้วย และหวังว่าเพื่อนสมาชิกในที่ประชุมสภาจะเห็นด้วยกับญัตตินี้, นายองอาจกล่าว

นายองอาจกล่าวอีกว่า ปัญหานี้จะเห็นได้ว่า ไม่ได้เกิดขึ้นเป็นปีแรก ย้อนกลับไป 2 ปีที่ผ่านมาก็มีปัญหาที่เกิดขึ้น ประชาชนและภาครัฐมีการตื่นตัวจากฝุ่นละอองขนาดเล็ก ถึงขนาดปีที่แล้วรัฐบาลประกาศเป็นวาระแห่งชาติ โดยแก้ไขตามลำดับขั้นตั้งแต่ระดับต้นระดับกลาง และปลาย แต่ปัญหาดังกล่าวไม่ได้ถูกแก้ไขอย่างต่อเนื่องจนส่งผลมาขณะนี้

ซึ่งในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวานนี้ได้ออกมาตรการมาทั้งหมด 12 ข้อที่เกี่ยวข้องกับหน่วยงานของรัฐและเกี่ยวข้องกับประชาชนรวมถึงกับทุกภาคส่วนที่ต้องร่วมมือกันช่วยกันแก้ไขปัญหา

ตนอยากจะเสนอไปที่รัฐบาลว่ามาตรการทั้ง 12 ข้อของรัฐบาลเป็นเรื่องดี แต่จะขอฝากให้รัฐบาลใน 3 แนวทางเสริม ขอให้รัฐบาลช่วยประชาสัมพันธ์และเร่งทำความเข้าใจกับประชาชนโดยเฉพาะการเผาในที่โล่งในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลอย่างจริงจัง

ในมาตรการที่ต้องให้ประชาชนมีส่วนร่วมหรือขอความร่วมมือจากประชาชนรัฐบาลควรมีมาตรการเสริมขึ้นมาเพื่อเป็นแรงจูงใจให้ประชาชนให้ความร่วมมือ อาทิ ขอให้งดการใช้รถยนต์ส่วนตัว หากจะให้ประสบความสำเร็จ ต้องประสานกับขนส่งสาธารณะทุกประเภทให้อำนวยความสะดวกให้กับประชาชน

และมาตรการให้เจ้าหน้าที่ออกมาจับรถควันดำอย่างจริงจังนั้น รัฐบาลต้องเน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติอย่างจริงจังต่อเนื่อง ไม่ใช่แค่ช่วงเวลาที่เกิดปัญหา ดังนั้นขอให้รัฐบาลอดทนต่อเสียงวิพากษ์วิจารณ์และรีบช่วยกันแก้ไขปัญหาให้กับประชาชน