Selective Buy
ดัชนีวานนี้ปิดปรับตัวลงแรง เช่นเดียวกันตลาดหุ้นภูมิภาค หลังจากได้รับปัจจัยกดดันจากความกังวลของโรคระบาดไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่
ซึ่งกดดันกลุ่มท่องเที่ยวและโรงแรม ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดที่ 1,574.94 จุด (-14.17 จุด) Volume 7.6 หมื่นลบ. ต่างชาติ +631.43 ลบ. TFEX Net -28,621 สัญญา
ปัจจัยบวก / ปัจจัยลบ
+ ปธน.ทรัมป์เผยจีนจะซื้อสินค้าสหรัฐคิดเป็นมูลค่าเกือบ 3 แสนล้านดอลลาร์
+ครม.อนุมัติงบปี 64 กว่า 3.6 หมื่นลบ.ก่อสร้าง 46 โครงการใหญ่ของคมนาคม
-ดัชนีดาวโจนส์ปิดลบ 152.06 จุด -0.52% หลังจากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐ (CDC) ยืนยันว่า พบผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่เป็นครั้งแรกในสหรัฐ และแรงกดดันจาก IMF ปรับลดตัวเลขคาดการณ์เศรษฐกิจโลกปีนี้และปีหน้า
-ราคาน้ำมันดิบ WTI ปิดลดลง 20 เซนต์ -0.3% ปิด 58.34 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจาก IMF ปรับลดตัวเลขคาดการณ์เศรษฐกิจโลกปีนี้และปีหน้าทำให้กังวลว่าอาจส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมัน
-จีนคาดตลาดรถยนต์ตกต่ำสุดในปีนี้และปีหน้า หลังยอดขายติดลบต่อเนื่อง
- รมว.คลังสหรัฐ เผยข้อตกลงการค้าเฟสสองจะไม่ยกเลิกภาษีทั้งหมดในขณะนี้
-ผลการดำเนินงานปี 62 ของกลุ่มธนาคารเติบโตเล็กน้อยแม้หลายแห่งมีกำไรจากเงินลงทุนแต่มีคชจ.สำรองหนี้สูญเพิ่มขึ้นจาก NPL เพิ่มขึ้นจากภาวะศก.ชะลอตัว
-Fund Flow ต่างชาติมีสถานะขาย YTD 4,191.84 ลบ. ค่าเงินบาท 30.390 บาท/US
*จับตาสหรัฐเผยดัชนีกิจกรรมเศรษฐกิจทั่วประเทศเดือนธ.ค. ดัชนีราคาบ้านเดือนพ.ย. และยอดขายบ้านมือสองเดือนธ.ค.
แนวโน้มตลาดหุ้นไทย
คาดดัชนีตลาดหุ้นไทยแกว่งตัวในลักษณะ Sideway ออกข้าง โดยยังมีประเด็นกดดันจากการแพร่กระจายของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ โดยล่าสุดพบผู้ติดเชื้อครั้งแรกในสหรัฐ ซึ่งเป็นประเด็นลบกับกลุ่มท่องเที่ยวและสายการบิน คาดคาดดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ 1,570-1,585 จุด
กลยุทธ์การลงทุน
- การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา (BH BCH BDMS)
- กลุ่มทีไม่มีประเด็นลบ ค้าปลีก (CPALL MAKRO) ส่งออก (KCE) รับเหมา (CK STEC)
หุ้นรายงานพิเศษ
SCB Analyst Meeting (ราคาเหมาะสม Bloomberg consensus 128.63)
(+/-) ปี 63 ตั้งเป้าสินเชื่อเติบโต 3-5% พลิกจากหดตัว 1.3% ในปี 62 คาด NIM ทรงตัว yoy อยู่ในกรอบ 3.2 - 3.4%
(-) NPL และ SM ที่เพิ่มขึ้นมากจากกลุ่มลูกค้า SME และสินเชื่อหดตัว ส่งผลให้ %NPL เพิ่มขึ้นสู่ 3.41% จาก 2.85% ณ ปลายปี 61 จาก NPL เพิ่ม + สินเชื่อหด ผู้บริหารมีนโยบายคุม %NPL ให้อยู่ที่ระดับนี้
+ งบลงทุน 2 หมื่นลบ.จะนำไปใช้สร้างการเติบโตในอนาคตด้วยการลงทุนในเทคโนโลยี ซื้อเงินลงทุน/ร่วมเป็นพันธมิตรสร้าง inorganic growth
ความเห็น ฝ่ายวิจัยมองแผนงานปีนี้จะช่วยประคองตัวให้ผ่านพ้นไปได้ จึงคาดผลประกอบการจะเติบโตแต่ไม่มาก Bloomberg Consensus คาดกำไรสุทธิปี 63 เฉลี่ย 38,960 ล้านบาท -3.7% แนะนำถือ
หุ้นมีข่าว
KWG : Analyst Meeting (ราคาเหมาะสม Bloomberg Consensus - บาท)
· KWG ประกอบธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจประกันภัย โดยมีสัดส่วนรายได้จากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ต่อธุรกิจประกันภัยราว 10:90
· เมื่อวันที่ 4 ธ.ค. บอร์ดอนุมัติให้บริษัท คิง ไว แคปปิตอล ซึ่งเป็นบริษัทย่อย เข้าซื้อบริษัท แมนูไลฟ์ ประกันชีวิต(ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) 99.61% มูลค่าการซื้อขายรวม 1พันล้านบาท พร้อมกับเสนอขาย RO 1.7561 : 1 (XR : 20 ก.พ.63)
· ขณะที่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ มีที่ดินในมือที่ จ.ฉะเชิงเทรา และที่จ.อยุธยา กว่า 4,400 ไร่ เพื่อรองรับโครงการ EEC เช่น Wellness, Medical&Healthcare, Education, Logistic เป็นหลัก พร้อมคาดจะเริ่มลงทุนในปี 63-64
· ความเห็น เรามีมุมมองเป็นบวกต่อเข้าซื้อ แมนูไลฟ์ ประกันชีวิต ในครั้งนี้ เนื่องจากบริษัทจะสามารถ Cross selling การขายผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตและประกันภัยระหว่างสองบริษัท และการขายผ่านตัวแทนของ คิง ไวประกันภัยที่มีอยู่ในปัจจุบันได้ เราแนะนำ “Wait&see”เพื่อรอดูผลประกอบการว่าจะสามารถพลิกกลับมามีกำไรได้หรือไม่ หลังจากรุกธุรกิจประกันเต็มรูปแบบ
KBANK Analyst Meeting (ราคาเหมาะสม Bloomberg Consensus 164.43)
· ในการประชุมนักวิเคราะห์มีประเด็นกังวลเรื่อง SM มี่จะกลายเป็น NPL เพิ่มขึ้นมาก ซึ่งผู้บริหารชี้แจงว่าส่วนใหญ่เป็นการตกชั้นลงมา และการที่สินเชื่อเติบโตแผ่วแค่กรอบล่างของเป้าทำให้ %NPL ปรับขึ้นต่อเนื่องและอยู่ใกล้กรอบบนที่ 3.3 - 3.7% และยืนยันที่จะคุม %NPL ให้อยู่ในกรอบ 3.6-4% (กรอบบนขยับขึ้นอีกนิด)
· การเติบโตของรายได้เป็นไปได้ยากทั้งฝั่งรายได้ดอกเบี้ยและรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยภายใต้สภาพแวดล้อมของเศรษฐกิจชะลอตัว ข้อจำกัดในการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมที่เป็นธรรม ทำให้ยังคงเป้าการดำเนินงานที่แผ่วลงจากปี 62
· ความเห็น ฝ่ายวิจัยมีมุมมองเป็น neutral ต่อปัจจัยพื้นฐานในระยะยาว โดยเชื่อว่าหากภาพรวมเศรษฐกิจฟื้นตัว ลูกค้ากลุ่ม SME แข็งแรงขึ้จะเป็นผลดีกับ ธนาคารขนาดใหญ่ที่จะได้รับประโยชน์ในลำดับต้นๆ แนะนำ ถือ
· (+/-) BBL (Bloomberg Consensus 200.96) รายงานกำไรสุทธิ 35,816 ล้านบาท +1.4% แม้มีกำไรจากการขายเงินลงทุนใน BTS เนื่องจากตั้งค่าใช้จ่ายหนี้สูญเพิ่มมากเป็นพิเศษ 220%
· (+) KTB (Bloomberg Consensus 18.68) รายงานกำไรปี 62 เท่ากับ 7,459 ล้านบาท เติบโต 2.8% คชจ.สำรองหนี้สูญลดลง
· (+) PTTEP (Bloomberg Consensus 144.18) จับมือพันธมิตรเข้ายื่นประมูลปิโตรเลียมในยูเออี 2 แปลงคาดรู้ผลภายใน H1/63 (ที่มา อินโฟเควสท์)
· (+) WP (Bloomberg Consensus - บาท) เตรียมชงบอร์ดอนุมัติจ่ายเงินปันผลงวดปี 62 เป็นครั้งแรกในรอบ 15 ปี ภายในเดือน ก.พ.นี้ หลังงวด 9 เดือนโชว์กำไรสะสมที่ไม่ได้จัดสรรกว่า 184.47 ล้านบาท ส่งซิกแนวโน้มผลงานปี 63 สดใสโตต่อเนื่องจากปี 62 หลังคาดยอดขาย LPG มีทิศทางที่ดี เล็งเข้าลงทุนในธุรกิจอาหาร คาดสรุปภายในไตรมาส 1/63 (ที่มา ข่าวหุ้น)
· (+) CPF (Bloomberg Consensus 35.74 บาท) เผยบริษัทย่อย CPP ในฮ่องกงจ่อทำกำไรปี 2562 ที่ 330-350 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นจาก 282 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2561 จากราคาหมูในเวียดนามสูง โบรกจับตางบ Q4/2562 สดใส แถมแนวโน้มระยะยาวราคาหมูหนุนผลงานโตต่อเนื่อง (ที่มา ทันหุ้น)
- (+) JCK (Bloomberg Consensus - บาท) ส่งซิกยักษ์ใหญ่ไอทีชาวไต้หวัน สนใจซื้อที่ดินในนิคมอุตสาหกรรม TFD เฟส 2 ราว 60-70 ไร่ มูลค่าราว 600 ล้านบาท คาดว่าภายในไตรมาส 1/63 มีความชัดเจน เตรียมเสนอขายหุ้นกู้รวม 2 ชุด มูลค่ารวม 1,390 ล้านบาท เสนอขายให้นักลงทุนรายใหญ่ ช่วงเดือน ม.ค.-ก.พ. 63 ชูอัตราดอกเบี้ยจูงใจ 7-7.25% (ที่มา ข่าวหุ้น)
- (+) SKY (ราคาเหมาะสม 18.30 บาท) วางกลยุทธ์ปีนี้รุกโกยงานเอกชนเพิ่ม เน้นงานสมาร์ทซีเคียวริตี้ตั้งเป้าทรัพย์ 300 ล้านบาท บอสใหญ่ "สิทธิเดช มัยลาภ" ชี้ปี 2563 งานโครงสร้างพื้นฐานทยอยออกเพียบ ลั่นพร้อมชิงงานเติมพอร์ต โชว์แบ็กล็อกแน่น 3.5 พันล้านบาท (ที่มา ทันหุ้น)
(+) SKE (Bloomberg Consensus - บาท) เล็งทุ่มงบ 300 ล้านบาท อัพฐานพลังงาน เสริมแกร่งระยะยาว บิ๊ก "จักรพงส์ สุเมธโชติเมธา" วางหมากปี 2563 รายได้โตเกิน 30% จากปีก่อน รับทรัพย์แม่กระทิงเต็มปีหนุน พร้อมเล็งศึกษาโรงไฟฟ้าชุมชน เปิดช่องทำเงินแถมเทรนด์ NGV ขยายตัวหลังบรรยากาศเศรษฐกิจปรับตัวดีขึ้น (ที่มา ทันหุ้น)