'แซดทีอี' เผย '5จี' คือ ความท้าทายครั้งสำคัญ

'แซดทีอี' เผย '5จี' คือ ความท้าทายครั้งสำคัญ

ภายในสิ้นปี 2563 คาดว่าสมาร์ทโฟน 5จี ของแซดทีอี จะมีราคาถูกที่สุดเพียง 300 ดอลลาร์

ความก้าวหน้าเทคฯหนุนใช้5จี

แม้เครือข่าย 5จี จะใช้พลังงานต่อบิตลดลงอย่างมากเมื่อเทียบกับเครือข่าย 4จี แต่ประสิทธิภาพด้านพลังงานยังคงมีความสำคัญ เนื่องจากคาดว่าเครือข่าย 5จี จะเข้ามาเร่งอัตราการประมวลผลข้อมูลให้เร็วขึ้นหลายสิบเท่า ขณะที่ชิพเซ็ตเป็นตัวกำหนดศักยภาพ การบูรณาการ การใช้พลังงาน และปัจจัยอื่นๆ ของผลิตภัณฑ์ 

ดังนั้น กระบวนการผลิตชิพเซ็ต จึงเป็นหัวใจสำคัญเบื้องหลังความก้าวหน้าของผลิตภัณฑ์ ในอดีตนั้น กระบวนการผลิตชิพเซ็ต 28 นาโนเมตร สำหรับใช้กับอุปกรณ์ระบบและอุปกรณ์มือถือได้เข้ามาผลักดันการใช้เครือข่าย 4จี เชิงพาณิชย์ ส่วนปัจจุบัน ชิพเซ็ต 7 นาโนเมตร ได้ถูกวางตัวให้เป็นตัวขับเคลื่อนเครือข่าย 5จี เชิงพาณิชย์ ซึ่งแซดทีอี มีความก้าวหน้า เพราะได้ลงมือพัฒนาชิพเบสแบนด์ 7 นาโนเมตร และชิพ DIF ขึ้นเอง โดยมีการบูรณาการดีขึ้น 40% และมีกำลังขาออกคลื่นวิทยุเพิ่มขึ้นกว่า 20% 

ขณะเดียวกันยังมีการใช้พลังงาน และมีน้ำหนักลดลง 30% โดยในปี 2563 ชิพเซ็ตเหล่านี้จะถูกนำไปใช้งานอย่างกว้างขวางในเครือข่าย 5จี และอีกไม่กี่ปีข้างหน้า จะมีการพัฒนาต่อยอดเทคโนโลยีต่างๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อทำให้การใช้พลังงานและน้ำหนักผลิตภัณฑ์ลดลงอีก ด้วยเหตุนี้ การพัฒนาชิปเซ็ต 7 นาโนเมตร / 5 นาโนเมตร ระดับแถวหน้าของอุตสาหกรรม จะเข้ามาตอกย้ำความเป็นผู้นำของเวนเดอร์ 5จี รายใหญ่

ปัญหาเรื่องความครอบคลุมอันเป็นผลมาจากการที่เครือข่าย 5จี มีย่านความถี่สูงขึ้นนั้น แก้ได้ด้วยการใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น Massive MIMO เป็นต้น ดังนั้น ความหนาแน่นของสถานีฐาน 5จี ในเขตเมืองจะมีลักษณะคล้ายคลึงกับสถานีฐาน 4จี

ความท้าทายของ “เวนเดอร์” 

ทั้งนี้ 5จี ยังถือเป็นความท้าทายของเวนเดอร์หลายราย ในแง่การพัฒนาระบบหรือสถาปัตยกรรมเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องรองรับ โดยเฉพาะการนำเทคโนโลยีด้านคลาวด์เข้ามาร่วม เพื่อสามารถครีเอทบริการที่มีความหลากหลายได้อย่างครบวงจร รวมถึงบริการที่มุ่งเน้นอุตสาหกรรมแนวดิ่ง

อย่างไรก็ตาม ในระยะแรกของการพัฒนา 5จี มาตรฐานสำหรับอุปกรณ์ฝั่งผู้ใช้งาน 5จี และระบบ 5จี ยังคงอยู่ระหว่างการพัฒนา ดังนั้น เวนเดอร์ที่มีศักยภาพเครือข่าย 5จี แบบครบวงจร จะเป็นผู้นำอุตสาหกรรมในการผนวกรวมการทดสอบการใช้งานและใช้ย่านความถี่ต่างๆ ได้ดีกว่า 

ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยี แซดทีอี ให้ข้อมูลว่า เมื่อเดือนก.พ. 2562 แซดทีอี ได้เปิดตัว Axon 10 Pro 5จี สมาร์ทโฟน 5จี เชิงพาณิชย์รุ่นแรกของจีน และบริษัทส่งมอบสมาร์ทโฟน 5จี ให้ลูกค้าทั่วโลกแตะ 5 ล้านเครื่องเมื่อสิ้นปี 2562 คิดเป็นสัดส่วน 0.15% ของยอดส่งมอบสมาร์ทโฟนทั้งหมดทั่วโลก 

นอกจากนี้ ในไตรมาสแรกของปี 2563 แซดทีอี ตั้งเป้าเปิดตัวสมาร์ทโฟน 5จี หลายความถี่หลายโหมดรุ่นใหม่อย่าง Axon 11 และภายในสิ้นปี 2563 คาดว่าสมาร์ทโฟน 5จี ของ แซดทีอี จะมีราคาถูกที่สุดเพียง 300 ดอลลาร์ ผู้ให้บริการทั่วโลกต่างคาดการณ์ว่า เมื่อเครือข่าย 5จี มีความครอบคลุมมากขึ้นแล้ว อุปกรณ์ 5จี ทั่วโลกจะมีจำนวนเพิ่มขึ้นแตะ 160 ล้านเครื่องภายในสิ้นปี 2563

แซดทีอีร่วมมือพาร์ทเนอร์ 

ผู้บริหารแซดทีอี กล่าวว่า บริษัทกำลังร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ในอุตสาหกรรมแนวดิ่ง เพื่อใช้ประโยชน์จากเครือข่าย 5จี ให้ได้มากที่สุด เพื่อสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลในอุตสาหกรรมต่างๆ 

ขณะที่ เมื่อมองการใช้งานเครือข่าย 5จี ในหลากหลายรูปแบบ พบว่า บริการวิดีโอเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล แม้ 4จี สามารถรองรับการส่งข้อความ ข้อมูล ภาพ และวิดีโอขนาดเล็ก แต่ 5จี สามารถการันตีคุณภาพของการส่งสัญญาณควบคุมและบริการวิดีโอที่มีฟีเจอร์การโต้ตอบสื่อสาร การใช้งานแบบเรียลไทม์ และ deterministic latency

เครือข่าย 5จี ก็ถือเป็นพลังขับเคลื่อนบริการวิดีโอแบบเรียลไทม์ในยุคคลาวด์คอมพิวติ้ง ผู้ให้บริการโทรคมนาคมจะได้ประโยชน์จากเศรษฐกิจดิจิทัลตามความได้เปรียบด้านทรัพยาการเครือข่ายและความสามารถ