ธอส.ชี้ผ่อนเกณฑ์LTVช่วยสินเชื่ออสังหาขยับ

ธอส.ชี้ผ่อนเกณฑ์LTVช่วยสินเชื่ออสังหาขยับ

ธอส.ชี้การผ่อนเกณฑ์LTVจะส่งผลต่อดีต่อการปล่อยสินเชื่อและตลาดอสังหาริมทรัพย์ โดยปีนี้ธอส.จะปล่อยสินเชื่อได้เพิ่ม 5-10% ขณะที่ เตรียมออกสลากออมทรัพย์ขายรายย่อยอีก 5 หมื่นล้านในเดือนก.พ.นี้ เพื่อนำมาปล่อยกู้ดอกเบี้ยต่ำ

นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์(ธอส.)ระบุว่า การผ่อนเกณฑ์สินเชื่อที่อยู่อาศัย (LTV) ของธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)ถือเป็นเรื่องที่ดีที่ทำให้ผู้กู้สามารถกู้เงินได้เพิ่มขึ้นประมาณ 5-15% ซึ่งจะทำให้การปล่อยสินเชื่อและตลาดอสังหาริมทรัพย์ปรับตัวดีขึ้น โดยในส่วนของธนาคารนั้น จะทำให้ยอดสินเชื่อรวมของธนาคารในปีนี้เพิ่มขึ้น 5-10% จากเป้าหมาย 2.09 แสนล้านบาท

“การผ่อนคลายมาตรการถือเป็นเรื่องที่ดีทำให้ผู้กู้สามารถกู้เงินเพิ่มขึ้น 5-15% ทำให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ปรับตัวดีขึ้น และทำให้ธนาคารสามารถปล่อยสินเชื่อมากขึ้น โดยขณะนี้ธอส.เตรียมเปิดตัวสินเชื่อตัวใหม่ ให้ดอกเบี้ยต่ำกว่า 2.77% ต่อปี เป็นอัตราต่ำสุดในขณะนี้ โดยเงินที่นำมาปล่อยสินเชื่อดังกล่าวมาจากการขายสลากออมทรัพย์รุ่นใหม่ 5 หมื่นล้านบาท”นายฉัตรชัยกล่าว

ทั้งนี้ การเสนอขายสลากออมทรัพย์รุ่นใหม่วงเงิน 5 หมื่นล้านบาทนั้น คณะกรรมการธนาคารจะมีการประชุมเพื่อพิจารณาอนุมัติในวันที่ 28 ม.ค.นี้ โดยสลากดังกล่าวจะเสนอขายให้รายย่อย ใบละ 5 หมื่นบาท จำนวน 1 ล้านใบ อายุสลาก 2 ปี จ่ายดอกเบี้ยสูงกว่าเงินฝากออมทรัพย์ในอัตรา 1%ต่อปี และหากซื้อผ่านออนไลน์รับดอกเบี้ย 1.1% ต่อปี คาดจะเสนอขายได้ในเดือนก.พ.นี้ และคาดจะเสนอขายได้หมดภายในเดือนมี.ค.นี้

“นอกจากดอกเบี้ยจูงใจแล้วจะมีรางวัลพิเศษเดือนละ 100 รางวัล รางวัลละ 5 หมื่นบาท และรางวัลแจคพอต ไตรมาสละ 10 รางวัล รางวัลละ 1 ล้านบาท คาดว่า จะจูงใจให้ประชาชนมาซื้อ”เขากล่าวและว่า ภายใน 2 ปี ธอส.ตั้งเป้าออกสลากออมทรัพย์ในวงเงิน 3 แสนล้านบาท โดยขณะนี้ ได้เสนอขายไปแล้วในวงเงิน 3.7 หมื่นล้านบาท

สำหรับความคืบหน้าในการโครงการบ้านดีมีดาวน์ ซึ่งรัฐคืนเงินดาวน์ 5 หมื่นบาท ล่าสุดมีผู้ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการแล้ว 9 หมื่นราย อนุมัติเงินดาวน์คืนไปแล้ว 6 หมื่นราย ส่วนการปล่อยสินเชื่อตามมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ตามนโยบายของรัฐ อัตราดอกเบี้ย 2.5% ปัจจุบัน มีผู้ยื่นคำขอประมาณ 1 หมื่นราย คิดเป็นวงเงิน 2.1 หมื่นล้านบาท ซึ่งอนุมัติแล้ว 9 พันราย วงเงิน 1.67 หมื่นล้านบาท