ชั่วโมงบินการเมือง 'พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค'

ชั่วโมงบินการเมือง  'พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค'

จากความฝันในการเป็นนักบินขับไล่ สู่เส้นทางการเมืองที่กลายเป็นชีวิตจิตใจ

หากจะเอ่ยถึงมือกฎหมายคนสำคัญระดับประเทศ แน่นอนว่าหนึ่งในนั้นมีชื่อของนักการเมืองรุ่นเก๋าอย่าง พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ซึ่งปัจจุบันรับหน้าที่เป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี พ่วงตำแหน่งประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาศึกษาหลักเกณฑ์และวิธีการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญรวมอยู่ด้วย 

ทว่านอกเหนือจากเส้นทางการเป็นนักกฎหมายซึ่งเริ่มต้นที่ตำแหน่งผู้พิพากษา ก่อนเข้าสู่แวดวงการเมืองครั้งแรกในปี 2539 ในฐานะ ส.ส.กทม.แล้ว น้อยคนนักที่จะรู้ว่าหากไม่เบนเข็มมาทางงานด้านกฎหมายและแวดวงการเมืองเสียก่อน วันนี้เราอาจมีนักบินขับไล่ที่ชื่อ 'พีระพันธ์ุ' ก็เป็นได้  

ตัวตนความเป็นพีระพันธุ์ รวมถึงบทบาทหน้าที่จากอดีตจนถึงปัจจุบัน ถูกถ่ายทอดผ่านบทสนทนาภายในห้องทำงานชั้น 3 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล 

เริ่มที่การตัดสินใจย้ายจากบ้านเก่าอย่างพรรคประชาธิปัตย์ในฐานะส.ส.บัญชีรายชื่อ และอดีตแคนดิเดตหัวหน้าพรรค เพื่อมารับตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีว่า สำหรับภารกิจในฐานะที่ปรึกษานายกฯเบื้องต้นได้รับมอบหมายให้ดูแลงานในด้านกฎหมาย โดยเฉพาะกฎหมายการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ซึ่งต้องศึกษาว่าจะมีกฎหหมายอะไรที่จะต้องมีการปรับปรุงแก้ไข รวมถึงระบบระเบียบราชการที่เปิดช่องให้มีการทุจริต เป็นต้น 

157952357428

กฎหมายที่มีอยู่ ณ ปัจจุบันจะถึงขั้นที่สังคายนาหรือรื้อใหม่ทั้งหมดหรือไม่  

ก็ต้องดูตามสถานการณ์ เช่นสมัยหนึ่งเคยมีการฮั้วประมูลงานกันจนเกิดปัญหาขึ้นมาเรื่อยๆ จนกระทั่งในยุคท่านอานันท์ ปันยารชุน ก็ได้มีการเสนอกฎหมายการร่วมทุนเข้ามา แต่สุดท้ายก็ยังมีช่องโหว่ นำมาสู่การเสนอกฎหมายป้องกันการสมยอมเสนอราคา หรือที่ชาวบ้านเรียกว่ากฎหมายป้องกันการฮั้ว 

ฉะนั้นแม้กฎหมายจะมีการพัฒนามาเป็นระยะจนถึงปัจจุบัน แต่ส่วนตัวเห็นว่ายังไม่พอ เพราะในปัจจุบันสิ่งที่เกิดขึ้นกับการทุจริตและประพฤติมิชอบ คือมีการนำไปหมกเม็ดในร่างสัญญาเพื่อให้มีการจ่ายเงินในลักษณะการผิดสัญญารวมไปถึงการนำไปใช้ในรับบอนุญาโตตุลาการ หรือกระบวนการยุติธรรมที่มีการอาศัยกฎหมายหรือกลไกในการทุจริต 

คิดว่าปัจจุบันบ้านเรามีปัญหาเรื่องกฎหมายคือ หนึ่ง การแก้ไขหรือเสนอกฎหมายไม่มองเป็นระบบ เช่นกฎหมายของกระทรวงหนึ่งเมื่อออกมาแล้วอาจไปกระทบอีกกระทรวงหนึ่ง ดังนั้นเวลาที่จะแก้กฎหมายอาจจะต้องมองที่ภาพรวมว่าถ้าจะแก้กฎหมายนี่้ต้องไปแก้ไขกฎหมายกระทรวงอื่นด้วยหรือไม่  

สอง คิดว่าวันนี้ แม้เราจะมีกฎหมายหลายฉบับแต่เรามีการบังคับใช้เพียงไม่กี่ฉบับ บางกฎหมายยังไม่มีแต่ควรจะมี เช่นกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจบัตรเครดิต ที่ไม่น่าเชื่อว่าเรามีธุรกิจบัตรเครดิตมานานกว่า 60 ปี แต่ปัจจุบันเรายังไม่มีกฎหมายฉบับนี้ หรือการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมในปัจจุบันที่ไม่ใช่มีแค่กฎหมาย1ฉบับ หรือ 2-3 ฉบับที่กระจายอยู่ตามหน่วยงานต่างๆ ที่อาจจะต้องมาพิจารณาในภาพรวม  

นอกเหนือจากกฎหมายต่างๆ แล้ว ภายใต้สภาวะที่มีความแตกต่างทางขั้วความคิด แน่นอนว่าสิ่งที่ประชาชนกำลังจับตาคือการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่กำลังทำอยู่ในขณะนี้ ในฐานะที่คุมทีมแก้รัฐธรรมนูญมีความมั่นใจในส่วนนี้อย่างไร 

คิดว่าเรื่องสีเรื่องขั้วมันจบไปแล้ว อาจจะเป็นมุมมองจากคนภายนอกหรือสื่อมวลชนที่มองว่ากรรมาธิการคนนั้นมาจากตรงนี้ กรรมาธิการคนนี้มาจากตรงนั้น แต่ในความเป็นจริงถ้าเราเอาประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้งไม่มีอะไรเป็นปัญหา แต่ถ้าเราเอาประโยชน์ส่วนตัวเป็นที่ตั้ง เอาการเมืองนำหน้ามีปัญหาแน่นอน  ส่วนตัวจึงอยากเห็นรัฐธรรมนูญที่เป็นรัฐธรรมนูญของประชาชนไม่อยากเห็นรัฐธรรมนูญที่เป็นรัฐธรรมนูญของฝ่ายการเมือง 

ทุกวันนี้ประชาชนส่วนใหญ่มีความรู้สึกว่ารัฐธรรมนูญไม่ใช่เรื่องของเขา แต่เป็นเรื่องของนักการเมืองและพรรคการเมือง เพราะเวลาหยิบยกมาพูดที่ไรก็พูดแต่เรื่องการเมือง ทั้งที่จริงๆ แล้วรัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายหลักในชีวิตประจำวันของประชาชน ทั้งด้านการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพประชาชน การป้องกันประชาชนจากการใช้อำนาจรัฐจนเกินขอบเขต หรือป้องกันประชาชนจาการถูกละเมิดในด้านต่างๆ นี่คือหัวใจของประชาชน 

ดังนั้น ถ้าทำให้รัฐธรรมนูญสามารถเป็นคู่มือซึ่งใช้ในชีวิตประจำวันเป็นสิ่งที่จับต้องได้ ก็จะมีผลในแง่ความรู้สึกว่าเป็นรัฐธรรมนูญของประชาชนมากขึ้น การที่จะเปลี่ยนความคิดตรงนี้คือ หนึ่ง ต้องมีการพูดถึงรัฐธรรมนูญในเชิงของประชาชนมากขึ้น สอง การศึกษาครั้งนี้อย่ามองแต่ด้านที่เป็นการเมืองการปกครองประเทศ แต่ต้องมองในมุมของสิทธิเสรีภาพและมุมมองที่เป็นประโยชน์ของประชาชนจากรัฐธรรมนูญด้วย 

กาที่ประชาชนไม่สนใจรัฐธรรมนูญเป็นเพราะเบื่อหน่ายการเมืองในช่วงหลายปีที่ผ่านมาหรือไม่ 

สถานการณ์เมืองที่เกิดขึ้นไม่ได้เกี่ยวกับรัฐธรรมนูญแต่เป็นเรื่องความขัดแย้งทางความคิดทางการเมือง แต่ส่วนหนึ่งที่นำไปเป็นประเด็นขัดแย้ง เกิดจากการหยิบยกในเรื่องที่เป็นประเด็นการเมือง เรื่องที่เกี่ยวข้องกับการเมืองการปกครองมาเป็นประเด็นที่ทำให้เกิดความขัดแย้งกันจึงทำให้ประชาชนรู้สึกเบื่อหน่ายว่า มีแต่เรื่องการเมืองเรื่องการโต้แย้งกันไม่จบสิ้น  

การที่เราบอกว่าเรามีสิทธิ ฉันมีสิทธิ ฉันเป็นประชาธิปไตย แต่ประชาธิปไตยคือเราต้องรับฟังความเห็นคนอื่นด้วยเรามีสิทธิทำโน่นทำนี่แต่เราไม่ฟังใครเลยมันไม่ใช่ประชาธิปไตย 

ส่วนตัวเปิดกว้างที่จะพิจารณาว่าถ้าพรรคการเมืองใดสนใจที่จะทำการเมืองแบบนี้ผมก็ยินดีที่จะไปร่วมงานในแบบใดแบบหนึ่ง 

157952357518

แสดงว่า เรายังจะได้เห็นนักการเมืองที่ชื่อพีระพันธุ์ในสนามการเมืองต่อไปเรื่อยๆ ยังไม่มีความคิดเบื่อหน่ายหรือวางมือการเมือง?  

บอกได้เลยว่า จะเห็นผมอยู่ซีกการเมืองโดยตลอด เพราะว่าสำหรับผม คำว่าการเมืองไม่จำเป็นต้องเป็นส.ส.หรือต้องอยู่ในพรรคการเมืองตลอดเวลา สำหรับผมการทำงานการเมืองคือการทำงานให้ประชาชน ตั้งแต่ยังไม่ลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์ หลังจากเปลี่ยนจากการเป็นส.ส.เขตมาอยู่ในบัญชีรายชื่อผมก็ยังลงพื้นที่  

รวมถึงยังคิดเรื่องกฎหมายการแก้กฎหมายตลอด คิดว่านี่คือการเมืองเช่นกัน มันเป็นชีวิตจิตใจ ยังไงผมก็ทำแม้ผมจะไม่ได้เป็นส.ส. การเมืองไม่ใช่เพียงแค่ทำงานสภาฯ ไม่อยู่สภาฯแล้วไม่ใช่นักการเมืองอันนี้คงไม่ใช่ คิดว่าอยู่ที่การทำงานเพื่อส่วนรวมมากกว่า  

ตรงนี้เหมือนเป็นชีวิตจิตใจผมไปแล้ว ถามว่าจะหยุดคงหยุดยาก ถามว่าวางตรงนี้ไปจะไปทำอะไรคงคิดไม่ออก ตรงนี้เราทำด้วยใจเมื่อเราทำด้วยใจคงไม่มีการวางมือ เพียงแต่วันไหนไม่มีแรงแล้วเราค่อยว่ากัน 

วันสบายๆ ของนักการมืองชื่อพีระพันธุ์ทำอะไรบ้าง 

ผมชอบไปเดินสวนจตุจักร ผมเป็นคนชอบชองเก่า ไปดูชีวิตคนเพราะผมรู้สึกว่าได้เห็นชีวิตคนหลากหลาย คนหลายระดับไปรวมอยู่ที่นั่น ได้เห็นคนดิ้นรนต่อสู้ทำมาหากิน ได้เห็นสภาพสังคมสิ่แวดล้อมและได้ดูสิ่งที่เราชอบไปด้วย ส่วนใหญ่ถ้ามีเวลาหรือบางครั้งเครียดๆ จากงานก็จะไปเดินเล่น  

แต่ปัญหาคือ วันนี้คนเริ่มจำหน้าได้มากขึ้น บางทีก็อยากจะเป็นชาวบ้านธรรมดา เขาจะได้คุยกับเราได้แบบสบายใจ ผมชอบไปถามในลักษณะที่ไม่ต้องรู้ว้าเราเป็นใคร เราจะได้รู้ชีวิตรู้ปัญหาเขา แต่บางครั้งพอเขาจำเราได้ก็ไม่กล้าพูด พูดไปเดี๋ยวไม่ถูกใจ หรือพูดไปจะไปกระทบพรรคเราหรือไม่  

ช่วงหลังๆ มีข่าวขึ้นมาเยอะคนก็เริ่มจำได้มากขึ้น ชีวิตส่วนตัวมีน้อยลง ผมชอบทานน้ำบ๊วยโซดา บางทีจะไปซื้อน้ำบ๊วยทานคนก็จำได้ จะซื้อของจะต่อราคาก็ลำบากใจ 

ทราบมาว่าก่อนหน้านี้เคยมีความฝันที่จะเป็นนักบิน? 

ความฝันผมไม่ใช่แค่นักบินพลเรือนขับเครื่องบินใบพัดเท่านั้น แต่ฝันที่จะเป็นนักบินขับไล่ตั้งแต่เด็ก อยากเป็นทหารอากาศ ไปสอบเตรียมทหารผ่านหมดเลย แต่ไปตกเรื่องสายตา คือสายตาสั้น แต่ทำยังไงก็ใส่แว่นไม่ได้ ก็เลยคิดว่าคงเป็นชะตาชีวิตมากกว่า ชะตาชีวิตเขากำหนดไม่ให้เราเป็นทหารอากาศ เป็นนักบินขับไล่แบบที่ควรจะเป็น 

แต่ก็โชคดีที่มีโอกาส อย่างตอนที่ฝูงบินธันเดอร์เบิร์ดของสหรัฐอเมริกามาบินโชว์ที่เมืองไทยผมก็ได้มีโอกาสนั่งในเครื่องบินขับไล่ 

157952357443

ถ้าจะบอกถึงตัวตนในความเป็น 'พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค' ในมุมที่หลายคนอาจจะยังไม่เคยเห็น? 

ผมเป็นคนง่ายๆ ใช้ชีวิตง่ายๆ ไม่ว่าอะไรก็แล้วแต่ผมชอบความถูกต้องเป็นธรรม อะไรที่รู้สึกว่าไม่เป็นธรรมทนไม่ได้จริงๆ ไม่ว่าจะมุมไหนก็แล้วแต่  

แต่การใช้ชีิวิตผมเป็นคนกินง่ายๆ ทานอาหารก็กินก๋วยเตี๋ยวข้างถนน เหล้าไม่กิน บุหรี่ไม่สูบ ไม่ดื่มแอลกอฮอล์ทุกประเภทซึ่งคนก็ประหลาดใจ คนอื่นกินข้าวจิบไวน์ ส่วนผมกินข้าวตามด้วยโอเลี้ยง บางคนบอกว่าแต่งตัวไม่เข้ากับการกิน มันคนละอย่าง การแต่งตัวเราต้องรู้จักเคารพสถานที่ แต่การกินเป็นเรื่องส่วนตัว 

เพราะเป็นคนเรียบง่ายจึงทำให้ซื้อใจประชาชนมาได้จนถึงทุกวันนี้? 

คิดว่าสิ่งที่ซื้อใจชาวบ้านได้คือความจริงใจ ตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้คิดว่าสิ่งที่ชาวบ้านพิสูจน์ได้จากตัวตนผมคือ ความจริงใจในการช่วยเหลือไม่ว่าจะมากหรือน้อย ตรงนี้จึงเป็นมุมที่มองกลับไปว่า ถ้าพรรคการเมืองไม่ได้ทำให้ชาวบ้านรู้สึกว่า เป็นพรรคที่เขาพึ่งได้ต่อไปก็ไม่รู้จะมีพรรคการเมืองไปเพื่ออะไร  

เช่นเดียวกับส.ส.ถ้าเราทำให้เขารู้สึกว่าพึ่งเราไม่ได้แล้วจะมีไปเพื่ออะไร คิดว่าพรรคการเมืองต้องปรับตัวเยอะสำหรับยุคนี้ คำว่าส.ส.รุ่นเก่ารุ่นใหม่ไม่ได้หมายถึงอายุ ส.ส.รุ่นใหม่คือคนที่มีความคิดทันยุคทันสมัย บางคนอาจจะ 25, 60 หรือ 80 ตราบใดที่เขามีความคิดทันสมัยว่า การเมืองยุคใหม่ต้องเป็นแบบไหน  

การเมืองไม่ใช่เรื่องอายุแต่เป็นเรื่องความคิด