SCB - ถือ

SCB - ถือ

ผลประกอบการ 4Q62: ปัจจัยลบมีนํ้าหนักมากกว่า

Event

กำไรสุทธิของ SCB ใน 4Q62 อยู่ที่ 5.5 พันล้านบาท (รวมกำไรจากการลงทุน 2.3 พันล้านบาท) ลดลงถึง 63% QoQ but -22% YoY ต่ำกว่าประมาณการของเรา/consensus ถึง 41%/46% ตามลำดับ เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการกันสำรองและค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานเพิ่มขึ้นอย่างมาก ในขณะที่กำไรสุทธิปี 2562 อยู่ที่ 4 หมื่นล้านบาท (+1% YoY)

lmpact

มีรายการที่ไม่ปกติหลายรายการ

การแยก SCBlife ออกจากงบรวมทำให้รายได้จากดอกเบี้ยลดลงมากเกินคาด 1.) ประมาณ 2.5 พันล้านบาท (เราคาดว่าจะลดลงแค่ 1.0 พันล้านบาท) 2.) หากไม่รวมสำรองพิเศษ 9.1 พันล้านบาทใน 1Q62 สำรองฯของไตรมาส 4 จะเพิ่มขึ้นอย่างมากถึง 54% QoQ และ 8% YoY ใน 4Q62 3.) ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน (ส่วนใหญ่เป็นค่าใช้จ่ายบุคลากร) เพิ่มขึ้นอย่างมากถึงประมาณ 6% QoQ และ 14% YoY ใน 4Q62 และเพิ่มขึ้น 9% ในปี 2562 แต่มีรายการในด้านบวกคือกำไรจากการลงทุนของ SCB เพิ่มขึ้นถึง 2.3 พันล้านบาท (จากที่เราคาดไว้แค่ 1.0 พันล้านบาท) แต่อย่างไรก็ตาม รายได้ที่เพิ่มขึ้นในส่วนนี้ก็ยังไม่สามารถชดเชยค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้นใน 4Q62 ได้

สินเชื่อไม่ขยายตัวแม้ในช่วงที่อุปสงค์สินเชื่อสูงตามฤดูกาล แต่ yield สินเชื่อยังทรงตัวแม้จะลดดอกเบี้ย

ตามปกติแล้ว พอร์ตสินเชื่อของ SCB จะโตแรงในช่วงไตรมาส 4 แต่ปีที่ผ่านมาไม่ได้เป็นเช่นนั้น โดยสินเชื่อลดลงเกือบทุกกลุ่ม (-1.7% QoQ และ -1.3% YoY ใน 4Q62) ทั้งสินเชื่อธุรกิจ (-5% QoQ และ -9% YoY) สินเชื่อ H/P ก็ลดลงเป็นครั้งแรก (-1.4% QoQ แต่ +8% YoY) และสินเชื่อจดจำนอง (-0.3% QoQ แต่ +0.8% YoY) มีเพียงสินเชื่อผู้บริโภคที่ yield สูงเท่านั้นที่ยังคงเติบโตอย่างสม่ำเสมอ (+6% QoQและ +25% YoY) ดังนั้น yield สินเชื่อโดยรวมจึงทรงตัว จากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงถึง 50bps ใน3Q-4Q62 ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย (NIM)ลดลงประมาณ 11bps QoQ และ 7bps YoY

NPL เพิ่มขึ้นอย่างมากเนื่องจากมีการขาย NPL ออกไปน้อยลง

แม้ว่าจะมีการจัดชั้นลูกค้าขนาดใหญ่ที่มีความเสี่ยงสูงเป็น NPL ใน 3Q62 แต่ตัวเลขหนี้เสีย (NPL) ใน 4Q62 ก็ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างมากถึง 10% QoQ และ 21% YoY ใน 4Q62 ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นของสินเชื่อหลายกลุ่ม โดย NPL เร่งตัวขึ้นจากทั้งสินเชื่อที่อยู่อาศัย รถยนต์ และ SME ทั้งนี้ NPL ที่เพิ่มขึ้นส่วนหนึ่ง
เป็นการสะท้อนถึงการขาย NPL ลดลง และมีการตัดหนี้สูญลดลง

ปรับลดประมาณการกำไรปี 2563/64 ลง 6%/4% และราคาเป้าหมายปี 63F ลงเหลือ 128 บาท และปรับลดคำแนะนำเป็น ถือ

เราปรับสมมติฐานดังนี้ 1.) เพิ่ม credit cost ปี 2563/64 เป็นปีละ 125bps (จากเดิมที่ 115bps) 2.) ลด NIM ลง 10bps เหลือ 3.28% 3.) เพิ่มค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน และสัดส่วนต้นทุน/รายได้เป็น 46% (จากเดิม 45%) ทั้งนี้ เนื่องจาก ROE ในช่วงสองปีข้างหน้ายังคงสูงกว่าต้นทุนของเงินทุน ดังนั้น เราจึงใช้ P/BV ที่ 1.0x (คิดเป็น P/E ที่ 11x) ซึ่งจะทำให้ได้ราคาเป้าหมายใหม่ที่ 128 บาท (ลดลงจากเดิมที่ 135 บาท)

Risks

GDP โตไม่ถึง 2.8% ในปี 2562/63 กดดันให้เกิด NPL ใหม่มากขึ้น.