จับตา 'คลัง-ธปท.' ออกมาตรการดูแล 'บาท'

จับตา 'คลัง-ธปท.' ออกมาตรการดูแล 'บาท'

สัปดาห์นี้เงินบาทปรับตัว “อ่อนค่า”เมื่อเทียบกับดอลลาร์ หลังธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ระบุถึงความกังวล และติดตามสถานการณ์การแข็งค่าของเงินบาทอย่างใกล้ชิด

 พร้อมใช้มาตรการเพิ่มเติมหากจำเป็น ขณะเดียวกันมองว่า เงินบาทที่แข็งในปีที่ผ่านมา เกิดจากเกินดุลบัญชีเดินสะพัดเป็นหลัก ไม่ใช่แรงเก็งกำไรต่างชาติ ส่วนเงินหยวนแข็งค่าหลังสหรัฐฯกับจีนลงนามในข้อตกลงการค้าเฟสแรก แม้จะช่วยให้สถานการณ์ความตึงเครียดทางการค้าผ่อนคลายลง  แต่แรงกดดันทางลบก็ยังมีอยู่มาก

สำหรับในช่วง1สัปดาห์ข้างหน้า “ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย” คาดว่าเงินบาทจะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ30.10-30.60บาทต่อดอลลาร์ แม้ช่วงนี้เงินบาทกลับมาอ่อนค่าลง แต่ต้องจับตาต่อไปว่าทิศทางของเงินบาทจะกลับไปแข็งค่าหรือไม่ เนื่องจากการเกินดุลบัญชีเดินสะพัดสูงของไทยยังหนุนเงินบาทอยู่ ขณะเดียวกัน ต้องจับตาว่าธปท.และกระทรวงการคลังจะมีมาตรการเพิ่มขึ้นหรือไม่ หากเงินบาทกลับไปแข็งค่าเร็วเกินไปเหมือนช่วงที่ผ่านมา

ดัชนีตลาดหุ้นไทยวานนี้ ( 17ม.ค.) ปิดการซื้อขายที่ 1,600.48 จุด เพิ่มขึ้น 4.61 จุด หรือ 0.29% มีมูลค่าการซื้อขาย 61,064.72 ล้านบาท "บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย)" ระบุว่าแนวโน้มตลาดหุ้นไทยสัปดาห์หน้าดัชนีฯน่าจะแกว่งตัวไซด์เวย์ เนื่องจากยังไม่มีปัจจัยใหม่ๆที่เข้ามามีอิทธิพลต่อการลงทุน  อัพไซด์ของดัชนีฯยังค่อนข้างจำกัด จากความไม่แน่นอนที่ยังมีอยู่สูง ทให้กรอบดัชนีฯไว้ที่ระดับ 1,580-1,620 จุด

ด้านความเคลื่อนไหวของราคาทองคำอยู่ที่ 1,555.36 ดอลลาร์ต่อออนซ์  ราคาทองคำในประเทศอยู่ที่ 22,450 บาทต่อบาททองคำ  “วายแอลจี บูลเลี่ยนอินเตอร์เนชั่นแนล” ระบุว่า ในระยะสั้นแนะนํานักลงทุนที่สะสมทองคําไว้ ให้ดูว่าราคาจะผ่านแนวต้าน  1,558-1,561 ดอลลาร์ต่อออนซ์หรือไม่ หากไม่สามารถผ่านได้ ให้ลดการถือครองทองคํา เพื่อคุมความเสี่ยง และหากราคาทองคํามีการปรับตัวลงมาไม่หลุดแนวรับ นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูง สามารถซื้อเก็งกําไรระยะสั้น  ประเมินแนวรับไว้ที่ 1,545-1,536 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่หากรับความเสี่ยงได้น้อยอาจชะลอการลงทุนรอความชัดเจนอีกครั้ง