'พาณิชย์' เร่งเจรจาเอฟทีเอลดผลกระทบถูกตัดสิทธิ์ 'จีเอสพี'

'พาณิชย์' เร่งเจรจาเอฟทีเอลดผลกระทบถูกตัดสิทธิ์ 'จีเอสพี'

พาณิชย์เร่งหามาตรการช่วยเหลือลดผลกระทบปมตัดจีเอสพีเล็งหาตลาดทดแทนเร่งเจรจาเอฟทีเอลุ้นผลยูเอสทีอาร์อาจตัดสิทธิ์สินค้าไทยเพิ่มเติมเหตุไม่นำเข้าหมูเนื้อแดงจากสหรัฐฯ

นายกีรติ รัชโน อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยถึงความคืบหน้าการแก้ปัญหากรณีที่สหรัฐฯเตรียมตัดสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร (จีเอสพี) สินค้าไทยกว่า 500 รายการตั้งแต่เดือนเม.ย.63 ว่า การถูกตัดจีเอสพี หมายความว่า สหรัฐฯจะกลับมาเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากไทยในอัตราภาษีปกติ หรือเฉลี่ยจะถูกเก็บภาษีที่ 4-5%จากเดิมที่ไม่ต้องเสียภาษีนำเข้า หรือเสียในอัตราต่ำกว่าปกติ ดังนั้น ในช่วงที่ผ่านมา กรมได้ส่งแบบสอบถามไปยังภาคเอกชน อย่างสภาหอการค้าแห่งประเทศ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศ (ส.อ.ท.)ว่ามีผู้ส่งออกสินค้าใดที่คาดจะได้รับผลกระทบบ้าง และต้องการให้ภาครัฐช่วยเหลืออย่างไร เพื่อให้การรช่วยเหลือถูกจุด และมีประสิทธิภาพในการบรรเทาผลกระทบมากที่สุด

"กรมได้ส่งแบบสอบถามออกไปแล้ว รอให้ภาคเอกชนตอบกลับมา แต่จากการหารือเบื้องต้น ส่วนใหญ่บอกว่า ได้รับผลกระทบน้อย เพราะเสียภาษีเพิ่มขึ้นไม่มากนัก แต่ก็อาจมีบางสินค้าที่ถูกเก็บภาษีมากขึ้น และอาจได้รับผลกระทบมากที่สุด อย่างเซรามิกรวมถึงผู้ส่งออกรายเล็ก รายน้อย ที่ไม่เคยให้ข้อมูลภาครัฐเลย ซึ่งกรมกำลังรอฟังคำตอบว่า ต้องการให้ภาครัฐช่วยเหลือบรรเทาผลกระทบอย่างไรบ้าง เพราะอยากให้มาตรการที่ภาครัฐออกไป มีประโยชน์มากที่สุด ไม่ใช่ออกมาตรการช่วยเหลือไปแล้ว เอกชนไม่ได้ใช้ประโยชน์ หรือเป็นประโยชน์กับภาคเอกชนน้อย”

ทั้งนี้กระทรวงพาณิชย์ มีมาตรการบางส่วนเพื่อช่วยเหลือ และบรรเทาผลกระทบอยู่แล้ว เช่น เดินหน้าหาตลาดใหม่สำหรับสินค้าที่สหรัฐฯจะตัดจีเอสพี ให้ความรู้กับผู้ส่งออกในการใช้ประโยชน์จากความตกลงการค้าเสรี (เอฟทีเอ) ต่างๆ ของไทยในการส่งออกสินค้าไปยังประเทศคู่เอฟทีเอ เพื่อสร้างแต้มต่อเหนือประเทศคู่แข่งที่ไม่ได้ทำเอฟทีเอกับประเทศคู่เอฟทีเอของไทยรวมทั้งการเจรจาเอฟทีเอกับประเทศอื่นๆเพิ่มขึ้นเป็นต้น

ส่วนการหารือกับสำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐฯ (ยูเอสทีอาร์)ยูเอสทีอาร์ได้ยืนยันว่า สาเหตุของการจะตัดสิทธิครั้งนี้ มาจากกรณีที่ไทยไม่ให้สิทธิแรงงานต่างด้าวตามมาตรฐานแรงงานระหว่างประเทศ และขอให้ไทยแก้ไขกฎหมายแรงงานตามประเด็นที่สหรัฐฯเรียกร้อง อย่างไรก็ตาม กระทรวงแรงงานได้ชี้แจงว่า ขณะนี้ กระทรวงแรงงานได้ปรับปรุงแก้ไขร่างกฎหมายแรงงานสัมพันธ์เสร็จแล้ว และได้ส่งให้ไปสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา พิจารณาแล้ว หากผ่านการพิจารณาจะส่งร่างดังกล่าวมาให้ยูเอสทีอาร์ทันทีเพื่อรอผลพิจารณาอย่างเป็นทางการ

สำหรับกรณีที่สหรัฐฯอาจพิจารณาตัดจีเอสพีสินค้าไทยเพิ่มเติมในรอบการทบทวนรายประเทศ ภายหลังจากที่สมาพันธ์ผู้ส่งออกสุกรแห่งสหรัฐฯร้องเรียนให้ยูเอสทีอาร์พิจารณาตัดจีเอสพีไทยมาตั้งแต่ 2-3 ปีที่ผ่านมา เพราะไม่เปิดตลาดให้กับเนื้อหมูจากสหรัฐฯที่มีสารเร่งเนื้อแดงแรคโตพามีนนั้นทราบว่ายูเอสทีอาร์อยู่ระหว่างการพิจารณา ส่วนเรื่องการนำเข้าหมูเนื้อแดง ทั้ง 2 ฝ่ายได้หารือกันภายใต้กรอบความตกลงด้านการค้าและการลงทุนไทย-สหรัฐฯ (ทิฟ่า) อย่างต่อเนื่อง และอยู่ระหว่างการหาผลพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ว่าการบริโภคหมูที่มีสารแรคโตพามีนตกค้างในระดับที่โครงการมาตรฐานอาหารระหว่างประเทศ (โคเดกซ์) อนุญาตนั้นจะเป็นอันตรายต่อผู้บริโภคหรือไม่