สรุปภาวะ"ตลาดเงินตลาดทุน"รายสัปดาห์ วันที่13-17 มกราคม 2563

สรุปภาวะ"ตลาดเงินตลาดทุน"รายสัปดาห์ วันที่13-17 มกราคม 2563

เงินบาทอ่อนค่าลง แต่หุ้นไทยปรับตัวขึ้นขานรับดีลการค้าเฟสแรกระหว่างสหรัฐฯ-จีน

สรุปความเคลื่อนไหวของค่าเงินบาท

เงินบาทอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ฯ โดยเงินบาททยอยอ่อนค่าและเคลื่อนไหวในกรอบที่ระมัดระวังมากขึ้น หลังจากที่ธปท. แสดงกังวลต่อสถานการณ์ค่าเงินบาทและพร้อมใช้มาตรการเพิ่มเติมหากจำเป็น ขณะที่เงินดอลลาร์ฯ มีปัจจัยบวกจากข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ดีกว่าที่ตลาดคาด อาทิ ยอดค้าปลีก และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ นอกจากนี้แรงขายสุทธิหุ้นไทยของนักลงทุนต่างชาติ ก็เป็นปัจจัยลบของเงินบาทด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ดี สกุลเงินส่วนใหญ่ในเอเชียแข็งค่าขึ้นตามเงินหยวน รับข่าวสหรัฐฯ ไม่ระบุจีนบิดเบือนค่าเงิน และสหรัฐฯ-จีนได้ลงนามดีลการค้าเฟสแรกอย่างเป็นทางการแล้ว

- ในวันศุกร์ (17 ม.ค.) เงินบาทอยู่ที่ 30.37 บาทต่อดอลลาร์ฯ (หลังแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบ 3 เดือนช่วงสั้นๆ ที่ 30.53 บาทต่อดอลลาร์ฯ) เทียบกับระดับ 30.24 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (10 ม.ค.)

สำหรับสัปดาห์ถัดไป (20-24 ม.ค.) ธนาคารกสิกรไทยประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทที่ 30.20-30.60 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยปัจจัยในประเทศที่สำคัญ น่าจะอยู่ที่การรายงานตัวเลขการส่งออกของไทยเดือนธ.ค. 62 ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ยอดขายบ้านมือสองเดือนธ.ค. ดัชนีราคาบ้านเดือนพ.ย. นอกจากนี้ ตลาดอาจรอติดตามผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) และธนาคารกลางยุโรป (ECB) ประเด็นเกี่ยวกับการเจรจาการค้าของสหรัฐฯ-จีนในเฟสสอง ตลอดจนดัชนี Composite PMI สำหรับเดือนม.ค. ของสหรัฐฯ ยูโรโซน และญี่ปุ่น

สรุปความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทย

ดัชนีตลาดหุ้นไทยปิดเหนือ 1,600 จุดครั้งแรกในรอบ 1 เดือนครึ่ง โดยดัชนีฯ ปิดที่ 1,600.48 จุด เพิ่มขึ้น 1.26% จากสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 62,787.11 ล้านบาท ลดลง 0.93% จากสัปดาห์ก่อน ส่วนดัชนี mai เพิ่มขึ้น 1.66% จากสัปดาห์ก่อน มาปิดที่ 308.80 จุด 

- ตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นช่วงต้นสัปดาห์ โดยมีแรงหนุนจากการเตรียมลงนามข้อตกลงการค้าเฟสแรกระหว่างสหรัฐฯ-จีน รวมถึงการผ่านร่างพ.ร.บ. งบประมาณปี 2563 ของสภาผู้แทนราษฎร ดัชนีฯ ย่อตัวลงช่วงสั้นๆ กลางสัปดาห์ตามแรงขายของกลุ่มนักลงทุนสถาบันและต่างชาติ ก่อนจะดีดตัวขึ้นอีกครั้งหลังสหรัฐฯ และจีนลงนามข้อตกลงการค้าเฟสแรกอย่างเป็นทางการ นอกจากนี้ ตลาดยังมีแรงหนุนจากแรงซื้อหุ้นขนาดใหญ่ในหลายอุตสาหกรรมโดยเฉพาะกลุ่มธนาคารก่อนการรายงานผลประกอบการในไตรมาส 4/62   

สำหรับสัปดาห์ถัดไป (20-24 ม.ค.) บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,590 และ 1,580 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,610 และ 1,620 จุด ตามลำดับ โดยปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ผลประกอบการไตรมาส 4/62 ของบริษัทจดทะเบียนไทย โดยเฉพาะกลุ่มธนาคารพาณิชย์ การพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณปี 2563 ของวุฒิสภา ตัวเลขส่งออกเดือนธ.ค. ประเด็นการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน รวมถึงประเด็น BREXIT ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ยอดขายบ้านมือสองเดือนธ.ค. และดัชนี PMI Composite (เบื้องต้น) เดือนม.ค. ขณะที่ ปัจจัยต่างประเทศที่สำคัญอื่นๆ ได้แก่ การประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางญี่ปุ่นและธนาคารกลางยุโรป ดัชนี PMI Composite (เบื้องต้น) เดือนม.ค. ของญี่ปุ่นและยูโรโซน รวมถึงดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนธ.ค. ของญี่ปุ่น