ศาลแพ่งสั่งให้ขายทอดตลาดทรัพย์สิน 'ปริญญา จารวิจิต'

ศาลแพ่งสั่งให้ขายทอดตลาดทรัพย์สิน 'ปริญญา จารวิจิต'

ศาลแพ่งให้เงินในธนาคารเอี่ยวฟอกเงินบิตคอยน์ ใช้คืนผู้เสียหาย ส่วนที่ดินกว่า 137 ล้านของคนที่ชื่อให้ไถ่ถอนคืนได้ หากทรัพย์สินเหลือให้ตกเป็นของแผ่นดิน

ดังนั้นการยื่นคำคัดค้านของผู้คัดค้านที่ 14 นี้ จึงเป็นการกระทำที่ไม่สุจริต คำคัดค้านของผู้คัดค้านที่ 14 จึงฟังไม่ขึ้น ดังนั้นศาลมีคำสั่งให้ทรัพย์สินรายการที่ 1 - 30 ตามบัญชีทรัพย์สิน (ส่วนใหญ่เป็นเงินฝากในบัญชีธนาคารต่างๆ) พร้อมดอกผล ไปคืนหรือชดใช้คืนให้แก่ผู้เสียหายตามสัดส่วนความเสียหาย แทนการสั่งให้ทรัพย์สินดังกล่าวตกเป็นของแผ่นดิน และหากปรากฏว่ามีทรัพย์สินเหลือก็ให้ตกเป็นของแผ่นดิน ต่อไปตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 มาตรา 49 วรรคหนึ่งและวรรคหก , มาตรา 51  สำหรับทรัพย์สินรายการที่ 31 , 32 , 37 ให้นำออกขายทอดตลาด แล้วนำเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดไปคืนหรือชดใช้คืนให้แก่ผู้เสียหาย ตามสัดส่วนความเสียหายแทนการสั่งให้ทรัพย์สินดังกล่าวตกเป็นของแผ่นดินเช่นกันและหากปรากฏว่ามีทรัพย์สินเหลือก็ให้ตกเป็นของแผ่นดิน  สำหรับทรัพย์สินที่ดิน 2 แปลงย่านดินแดง รายการที่ 33,34 ให้นายชาญณรงค์ ผู้คัดค้านที่ 4 และน.ส.ชวันรัตน์ ผู้คัดค้านที่ 5 ไถ่ถอนการขายฝากได้ในราคา 59 ล้านบาท  , ทรัพย์สินรายการที่ 35,36 ให้นางรัศมิ์เกล้า ผู้คัดค้านที่ 3 ไถ่ถอนการขายฝากได้ในราคา 27,340,000 บาท , ทรัพย์สินรายการที่ 38-43 ให้นายรักบีระซิงห์ ผู้คัดค้านที่ 6 ไถ่ถอนการขายฝากได้ ในราคา 8.5 ล้านบาท , ทรัพย์สินรายการที่ 44 ให้นางศิริสุข ผู้คัดค้านที่ 13 ไถ่ถอนการขายฝากได้ในราคา 43,130,000 บาท (มูลค่าทรัพย์สินส่วนนี้ 137,970,000 บาท) โดยให้ดำเนินการภายใน 30 วันนับแต่วันที่คดีถึงที่สุด หากพ้นกำหนดแล้วให้นำทรัพย์สินดังกล่าวออกขายทอดตลาดและนำเงินที่ได้จากการไถ่ถอนการขายฝากหรือการขายทอดตลาด ไปคืนหรือชดใช้คืนให้แก่ผู้เสียหายตามสัดส่วนความเสียหาย และถ้ามีทรัพย์สินเหลือจึงให้ตกเป็นของแผ่นดิน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า อย่างไรก็ดีคำสั่งของศาลแพ่งวันนี้ ยังถือเป็นคำวินิจฉัยของศาลชั้นต้น ซึ่งตามกฎหมายคู่กรณียังสามารถใช้สิทธิยื่นอุทธรณ์ต่อศาลอุทธรณ์ได้อีกภายใน 1 เดือนนับจากวันที่มีคำสั่ง ทั้งนี้คดีอาญาฟอกเงินลงทุนสกุลเงินบิตคอยน์   ที่อัยการสำนักงานคดีพิเศษ 2 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง “นายปริญญา จารวิจิต” อายุ 38 ปีเศษ  , “นายจิรัชพิสิษฐ์” หรือบูม นักแสดงซีรี่ย์วัยรุ่นชื่อดัง อายุ 27 ปีเศษ , “น.ส.สุพิชฌาย์ จารวิจิต” อายุ 33 ปีเศษ  เป็นจำเลยที่ 1-3 ต่อศาลอาญา คดีหมายเลขดำ ฟย.50/2561 ในความผิดฐานสมคบกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้กระทำผิดฐานฟอกเงิน , ร่วมกันฟอกเงิน จำนวน 797,408,454.33 บาท ซึ่งเป็นเงินที่ขายบิตคอยน์ ในระบบซื้อขายอินเตอร์เน็ต แล้วนำเข้าบัญชีธนาคารของจำเลยทั้งสามกับพวก ตามพ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 มาตรา3,5,9,60 ที่ยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 1 พ.ย.61 นั้น สามพี่น้องให้การปฏิเสธ ขณะที่ศาลมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความชั่วคราวก่อน (พักการพิจารณาคดีชั่วคราว) โดยศาลกำหนดนัดตรวจหลักฐานครั้งสุดท้ายเมื่อ พ.ค.2562 ที่ผ่านมา