KCE - ถือ

KCE - ถือ

ประมาณการ 4Q62: คาดว่ากำไรจะลดลงทั้ง YoY และ QoQ

Event

ประมาณการ 4Q62

lmpact

ผลประกอบการอ่อนแอเนื่องจากทั้งยอดขายและอัตรากำไรขั้นต้นอ่อนแอ

เราคาดว่ากำไรสุทธิของ KCE ใน 4Q62 จะอยู่ที่ 154 ล้านบาท (-57% YoY, -40% QoQ) โดยกำไรที่ลดลงจะเป็นเพราะรายได้ที่ลดลงจากปัจจัยฤดูกาลเหลือ 95 ล้านเหรียญ (-3% YoY, -6% QoQ) ในขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นก็อ่อนแอจากเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น และประสิทธิภาพการผลิตที่ลดลง (18.3% ใน 4Q62 จาก 22.8% ใน 4Q61 และ 20.7% ใน 3Q62) ซึ่งจะส่งผลให้กำไรสุทธิปี 2562 อยู่ที่ 836 ล้านบาท (-59%YoY) ต่ำกว่าประมาณการกำไรสุทธิปีนี้ของเราที่ 902 ล้านบาท 7%

แนวโน้มตลาดรถยนต์ไม่สดใส

ตลาดรถยนต์ยังคงมีความไม่แน่นอนว่าจะทรงตัวหรือฟื้นตัวอย่างอ่อน ๆ ทีมวิจัยของ KGI คาดว่าตลาดรถยนต์โลกจะฟื้นตัวขึ้นในปี 2563 ในอัตราที่ชะลอตัวลง (คาดว่าจะยังไม่ฟื้นตัวก่อน 2Q63 จากความไม่แน่นอนของปัจจัยมหภาคที่เกิดจากสงครามการค้า) ในขณะเดียวกัน สำนักวิจัยระดับโลกอื่นๆ ก็คาดว่าตลาดรถยนต์โลกจะยังหดตัวลงอีกในปี 2563 ทั้งนี้ เนื่องจาก 70% ของรายได้ KCE เกี่ยวข้องกับธุรกิจยานยนต์ ดังนั้น เราจึงคาดว่ายอดขายของบริษัทปีนี้ไม่น่าจะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และคงสมมติฐานยอดขายปีนี้เอาไว้ที่ 420 ล้านดอลลาร์ และปี 2564 ที่ 437 ล้านดอลลาร์ คิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ยที่ ~5%
เราคาดว่ากำไรปีนี้จะ ~19% และปีหน้า ~15% จากอัตรากำไรที่เพิ่มขึ้นตามอัตราการใช้กำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น

Re-rate PER เพื่อสะท้อนวัฏจักรขาขึ้นของธุรกิจ

จากการที่ธุรกิจเข้าสู่วัฏจักรขาขึ้นเต็มที่ และการฟื้นตัวของผลประกอบการ เราจึง re-rate PER จาก 17.0x (ค่าเฉลี่ยของกลุ่ม +0.75 S.D.) เป็น 19.5x (ค่าเฉลี่ยของกลุ่ม +1.5 S.D.) ซึ่งเป็นขอบบนของวัฎจักรขาขึ้นในรอบก่อน (Figure 7) และเท่ากับค่าเฉลี่ยระยะยาวของบริษัทเท่านั้น (Figure 6) เรามองว่า PER ระดับนี้เป็นระดับที่สมเหตุสมผลเมื่อพิจารณาจากกำไรที่คาดว่าจะโตถึง 19% ในปีนี้ ซึ่งคิดเป็น PEG ประมาณ 1.0x

Valuation & Action

เราปรับเพิ่มราคาเป้าหมายสิ้นปี 2563 เป็น 18.00 บาท จากเดิมที่ 15.50 บาท โดยอิงจาก PER ที่ 19.5x (ค่าเฉลี่ยของกลุ่ม +1.5 S.D.) เราคิดว่ายอดขายและอัตรากำไรใน 1Q63 จะเป็นสัญญาณเบื้องต้นที่นำไปสู่การปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 2563 (อัตรากำไรขั้นต้นที่เพิ่มขึ้นทุก ๆ 1% จะทำให้กำไรสุทธิเพิ่มขึ้นถึง 10%) ทั้งนี้ เนื่องจากมีโอกาสที่จะมีการปรับเพิ่มประมาณการกำไรขึ้นอีก เราจึงยังคงคำแนะนำ "ถือ"

Risks

ภัยธรรมชาติ, มีการปิดโรงงานนอกแผน, ลูกค้าเปลี่ยนไปสั่งสินค้าจาก supplier รายอื่น, ขาดแคลนวัตถุดิบ, เงินบาทแข็งค่าขึ้น (เราใช้สมมติฐานค่าเงินบาทปี 2562 ที่ 30.80 บาท/US$ และปี 2563 ที่ 30.30 บาท/US$)