นัดฟังคำสั่ง 'ธนาธร' ฟ้อง กกต.ร้องยุบพรรคมิชอบ 20 ก.พ.นี้

นัดฟังคำสั่ง 'ธนาธร' ฟ้อง กกต.ร้องยุบพรรคมิชอบ 20 ก.พ.นี้

“ศาลอาญาคดีทุจริตฯ” สั่ง กกต.ส่งเอกสารแสดงขั้นตอนการไต่สวนคดียุบ อนค. ก่อนนัดคำสั่งชั้นตรวจฟ้อง สิบโมงเช้า 20 ก.พ.นี้

ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ถ.นครไชยศรี ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่  “นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) และ “พรรคอนาคตใหม่” ร่วมกันเป็นโจทก์ที่ 1-2 ยื่นฟ้อง นายเกรียงศักดิ์ ม่วงอ่อนประธานคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนคดียุบพรรค อนค. ,นายนิยต ดำรงประภักดิ์ ,นายสุชาติ เพชรอาวุธ ทั้งสองเป็นกรรมการสืบสวนและไต่สวน , พ.ต.ต.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการ กกต. , นางสุกัญญา รัตนนาคินทร์ , พล.ท.สมชาย ชัยวณิชยา ,พ.ต.อ.ชนะชัย ลิ้มประเสริฐ ทั้งสาม เป็นคณะอนุกรรมการวินิจฉัย , นายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต. , นายสันทัด ศิริอนันต์ไพบูลย์ , นายธวัชชัย เทอดเผ่าไทย , นายฉัตรชัย จันทร์พรายศรี , นายปกรณ์ มหรรณพ , นายเลิศวิโรจน์ โกวัฒนะ , นายฐิติเชฏฐ์ นุชนาฏ ทั้งเจ็ดเป็นคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เป็นจำเลยที่ 1-14 คดีหมายเลขดำ อท.185/2562 ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ทำให้ผู้หนึ่งผู้ใดได้รับความเสียหายตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 และพ.ร.ป.ว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง พ.ศ.2560 มาตรา 69 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 , 86 กรณีมีการทำสำนวนคดียุบพรรค อนค.ไม่ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และขั้นตอน มีลักษณะเร่งรัดคดี โดยยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 18 ธ.ค.62 ที่ผ่านมานั้น

ล่าสุดศาลอาญาคดีทุจริตฯ มีคำสั่งชั้นตรวจคำฟ้องเมื่อวันที่ 6 ม.ค.ที่ผ่านมา โดยศาลตรวจฟ้องแล้ว เห็นว่ามีความจำเป็นเพื่อให้ได้ความชัดในข้อเท็จจริงแห่งคดีที่จะเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา จึงอาศัยข้อบังคับของประธานศาลฎีกาว่าด้วยวิธีการดำเนินคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ พ.ศ.2559 ข้อ 16 วรรคหนึ่ง และฉบับแก้ไขเพิ่มเติมฉบับที่ 2 พ.ศ.2560 ข้อ 3 ประกอบ พ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ พ.ศ.2559 มาตรา 23 เห็นสมควร ให้มีหนังสือถึงสำนักงาน กกต. เพื่อขอทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการดำเนินการสืบสวน , การไต่สวน , การรวบรวมข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานและการดำเนินคดีกรณีกล่าวหาว่า นายธนาธร ให้พรรคอนาคตใหม่ กู้ยืมเงินอันเป็นการฝ่าฝืน พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560 ว่ามีขั้นตอน-วิธีการสืบสวน , ไต่สวน , การรวบรวมข้อเท็จจริงและพยานหลักฐาน ตามกฎหมาย , กฎ, ประกาศ , ระเบียบ , ข้อบังคับ หรือคำสั่งใด อย่างไร โดยให้ สำนักงาน กกต.จัดส่งเอกสารที่เกี่ยวข้องมาให้ศาล ภายใน 15 วันนับจากวันที่ได้รับหนังสือแจ้งจากศาล เพื่อประกอบการพิจารณาต่อไป โดยศาลกำหนดนัดพร้อม หรือฟังคำสั่ง หรือคำพิพากษา ในวันที่ 20 ก.พ.นี้เวลา 10.00 น.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคดีดังกล่าว ระบุพฤติการณ์สรุปว่า ระหว่างวันที่ 8 ก.ค.-11 ธ.ค.62 คณะกรรมการ กกต.จำเลยที่ 8-14 ได้แต่งตั้งจำเลยที่ 1-3 ให้เป็นประธานกับคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวน เพื่อรวบรวมหลักฐานและแสวงหาข้อเท็จจริงกรณีมีผู้ร้องกล่าวหานายธนาธร หัวหน้าพรรคและพรรค อนค.โจทก์ที่ 1-2 ว่ากระทำฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวกับการเลือกตั้งและพรรคการเมืองหรือไม่ โดยอ้างว่าโจทก์ที่ 1 ให้พรรคอนค.โจทก์ที่ 2 กู้ยืมเงินจำนวน 191,200,000 บาท โดยประธานและคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนฯ จำเลยที่ 1-3 ทราบระเบียบแล้วแต่ไม่ได้กระทำให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และขั้นตอน กลับร่วมกันทำรายงานการไต่สวนพร้อมทั้งสรุปสำนวนการสืบสวนและไต่สวนเสนอจำเลยที่ 4 เพื่อพิจารณาทั้งที่ยังไม่ได้แจ้งข้อกล่าวหากับโจทก์ทั้งสอง จึงถือได้ว่ายังไม่มีการไต่สวนตามกฎหมายและเป็นการละเว้นการกระทำอันมิชอบ

ขณะที่เลขาธิการ กกต.จำเลยที่ 4 ก็ทราบดีอยู่แล้วว่ายังไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหา แต่ก็ไม่ได้ดำเนินการหรือสั่งการให้คณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนดำเนินการแจ้งข้อกล่าวแก่โจทก์เพื่อให้กระบวนการเป็นไปอย่างถูกต้องตามกฎหมาย โดยจำเลยที่ 4 ส่งสำนวนการสืบสวนและไต่สวนให้จำเลยที่ 5-7 ซึ่งเป็นคณะอนุกรรมการวินิจฉัย  อันเป็นการเร่งรัดคดีกลั่นแกล้งโจทก์ทั้งสองต่อไป ส่วนจำเลยที่ 5-7 ก็มีมติเห็นควรส่งเรื่องให้ศาลที่มีเขตอำนาจดำเนินการต่อไปและส่งสำนวนการสืบสวนและไต่สวนให้จำเลยที่ 8-14 ซึ่งเป็นคณะกรรมการ กกต.พิจารณาโดยไม่มีการแก้ไขให้ถูกต้องเสียก่อน โดยหากจำเลยที่ 5-7 เห็นว่าสำนวนการสืบสวนหรือไต่สวนยังไม่ถูกต้องก็มีอำนาจส่งเรื่องกลับไปให้เลขาธิการ กกต.จำเลยที่ 4 ดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมายหรือมอบหมายให้จำเลยที่ 1-3 ดำเนินการ ส่วนคณะกรรมการ กกต.จำเลยที่ 8-14 ก็ทราบอยู่แล้วว่าสำนวนการสืบสวนและไต่สวนยังไม่ได้ดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมาย แต่กลับร่วมกันลงมติให้ดำเนินคดีแก่โจทก์ทั้งสองตามสำนวนการสืบสวนและไต่สวนดังกล่าว โดยมีมติเสียงข้างมากให้ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญพิจารณายุบพรรค อนค.โจทก์ที่สอง มติของจำนวนที่ 8-14 จึงเป็นผลมาจากการร่วมกันกระทำโดยจงใจละเมิดต่อกฎหมาย  และเป็นการร่วมกันปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ทั้งสองที่ถูกริดรอนสิทธิที่จะรับทราบข้อกล่าวหา , ชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา , เสนอพยานหลักฐาน หรือต่อสู้คดีตามสิทธิในกระบวนการยุติธรรม

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ก่อนหน้านี้ “นายธนาธร” หัวหน้าพรรค อนค. ก็ได้ยื่นฟ้อง กกต.ทั้งคณะ 7 คนไปเมื่อวันที่ 18 พ.ย.62 อีกสำนวนในคดีหมายเลขดำ อท.168/2562 ความผิดตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง พ.ศ.2560 มาตรา 69 และเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 เช่นกัน จากกรณีวันที่ 25 มี.ค. - 16 พ.ค.62 ดำเนินกระบวนการสืบสวนไต่สวนและวินิจฉัยชี้ขาดข้อเท็จจริงกล่าวหาโจทก์ถือหุ้นในบริษัทวี-ลัคมีเดีย จำกัด โดยการแสวงหาข้อเท็จจริงยังไม่สิ้นกระแสความและเร่งรัดการลงมติและยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งศาลมีคำสั่งให้ "เลขาธิการ กกต." ชี้แจงข้อเท็จจริง พร้อมส่งเอกสารส่งศาล และนัดฟังคำสั่งหรือคำพิพากษาชั้นตรวจฟ้องไปเมื่อวันที่  24 ธ.ค.62 ซึ่งสุดท้ายศาลตรวจดูข้อกล่าวหาในคำฟ้องในชั้นตรวจฟ้องแล้ว ได้มีคำพิพากษาให้ยกฟ้องไม่รับคดีไว้เพื่อไต่สวนมูลฟ้องโจทก์ เนื่องจากเห็นว่า ขั้นตอนการสืบสวน , การไต่สวน , การวินิจฉัยชี้ขาดในการยื่นคำร้องของ กกต.ให้ศาลวินิจฉัยสมาชิกภาพ ส.ส.ของพรรคอนาคตใหม่นั้นกระทำไปโดยชอบด้วยกฎหมายซึ่งมีคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ที่ 14/2562 ว่า กกต. มีหน้าที่และอำนาจยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญตามรัฐธรรมนูญฯ มาตรา 82 วรรคสี่ กรณีที่เห็นว่าสมาชิกภาพของ ส.ส.มีเหตุสิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญฯ มาตรา 82 วรรคหนึ่ง โดย กกต.ได้ยื่นคำร้องต่อสำนวนถูกต้องตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้แล้ว ซึ่งคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญนั้นให้เป็นที่เด็ดขาดมีผลผูกพันรัฐสภาครมสารองค์กรอิสระและหน่วยงานตามรัฐธรรมนูญฯ มาตรา 211 การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดตามฟ้อง