ผลศึกษาเผยค้าปลีกเอเชียเมินใช้เอไอกับโมเดลธุรกิจ

ผลศึกษาเผยค้าปลีกเอเชียเมินใช้เอไอกับโมเดลธุรกิจ

ผลศึกษาเผยค้าปลีกเอเชียเมินปรับใช้เอไอกับโมเดลธุรกิจ โดยผู้บริหารธุรกิจ 23% ไม่คิดนำเทคโนโลยีเอไอมาเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจ

ผลศึกษาของไอดีซี บริษัทข้อมูลด้านการตลาดและไมโครซอฟต์ ยักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์โลกที่เผยแพร่ในสัปดาห์นี้ บ่งชี้ว่า 67% ของบริษัทค้าปลีกทั่วภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกประสบความล้มเหลวในการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์(เอไอ)กับรูปแบบการดำเนินธุรกิจ

ผลศึกษาชิ้นนี้ เป็นการสำรวจความเห็นบรรดาผู้บริหารระดับสูงในอุตสาหรรมค้าปลีก 15 ประเทศ รวมทั้งจีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ สิงคโปร์ ไทย และเวียดนาม พบว่า 23% ไม่แม้แต่จะคิดนำเทคโนโลยีเอไอมาเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจ

“การตระหนักรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีเอไอเป็นหัวใจสำคัญของการดำเนินธุรกิจ ซึ่งภาคค้าปลีกในภูมิภาคอาจจะคิดว่าเอไอไม่ได้ช่วยยกระดับในการทำธุรกิจได้อย่างแท้จริง”ราช รากูนีธาน หัวหน้าแผนกค้าปลีกและสินค้าเพื่อผู้บริโภคประจำภูมิภาคเอเชียของไมโครซอฟต์ กล่าว

ทั้งนี้ มีผู้ตอบแบบสอบถามแค่ 44% เท่านั้นที่ระบุว่ามีแผนจะนำเอไอมาเป็นส่วนหนึ่งของการวางแผนงานทางธุรกิจในอนาคต ส่วน 33% ระบุว่า เริ่มทดลองหรือรับเอไอเข้ามาใช้ในการกระบวนการผลิตแล้ว

หัวหน้าแผนกค้าปลีกและสินค้าเพื่อผู้บริโภคประจำภูมิภาคเอเชียของไมโครซอฟต์ กล่าวด้วยว่า อุตสาหกรรมอื่นมีกระแสตอบรับและใช้เอไอมากกว่าอุตสหกรรมค้าปลีก โดยสมาคมผู้ประกอบการในภูมิภาคนำเอไอมาใช้ในสัดส่วน 41% ส่วนบริษัทต่างๆในอุตสาหกรรมการเงินนำเอไอมาใช้ในสัดส่วน 52%

ในอุตสาหกรรมค้าปลีก ภูมิภาคเอเชียตะวันออกนำเป็นภูมิภาคที่อ้าแขนรับเทคโนโลยีเอไอมากกว่าภูมิภาคอื่น และคาดว่าอุตสาหกรรมเอไอจะมีมูลค่าประมาณ 1 ล้านล้านหยวน หรือกว่า 140,000 ล้านดอลลาร์ ภายในปี 2573

ขณะที่ 71% ของผู้บริหารในธุรกิจค้าปลีกที่มองว่าเอไอเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้บริษัทสามารถแข่งขันได้ ในช่วง 3 ปีข้างหน้า และผลสำรวจชิ้นนี้ยังระบุด้วยว่า ไม่มีผู้บริหารธุรกิจรายใดที่พร้อมให้คำมั่นว่าจะลงทุนในเทคโนโลยีเอไอเลย

“หากผู้นำในองค์กรไม่นำเอไอเข้ามาช่วยวิเคราะห์พฤติกรรมของผู้บริโภค โอกาสที่ผู้นำทางธุรกิจจะตัดสินใจผิดพลาดก็มีมากขึ้น”อัลเลน หลิน ประธานคณะเจ้าหน้าที่บริหาร(ซีอีโอ)บริษัทสตาร์ทอัพชื่อทราโกเมติก กล่าว

157913399917

ในปัจจุบัน มีบริษัทพิค แอนด์ โก ห้างค้าปลีกชื่อดังของสิงคโปร์และบริษัทค้าปลีกอีกไม่กี่แห่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ปรับตัวไช้เอไอกับโมเดลธุรกิจอย่างจริงจัง ในจำนวนนั้น รวมถึง กันโม รีเทล กรุ๊ป ของอินโดนีเซีย ที่ประกาศเป็นหุ่นส่วนกับบริษัทแคพิลลารี เทคโนโลยีส์ บริษัทอุปโภค-บริษัท ที่ใช้เอไอกระตุ้นยอดขายสินค้าหน้าร้าน กันโม ใช้เอไอวิเคราะห์รูปแบบการซื้อสินค้าของลูกค้าเพื่อตัดสินใจเรื่องจำนวนพนักงานและประเมินผลกระทบในการจัดแคมเปญด้านการตลาด

ทุกวันนี้ภาคธุรกิจทั้งในไทยและต่างประเทศมีการนำเอไอมาประยุกต์ใช้ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคให้ทันท่วงที ตัวอย่างเช่นการนำเอไอมาใช้ในการถาม-ตอบข้อสงสัยเกี่ยวกับบริการต่าง ๆ ของบริษัทผ่านสื่อสังคมออนไลน์ หรือที่เรียกว่า “เอไอ แชทบอท” ซึ่งจะเข้ามาทำหน้าที่นี้แทนมนุษย์ ถือเป็นการช่วยลดต้นทุนด้านแรงงานของบริษัทได้อีกทางหนึ่ง ซึ่งในขณะนี้ หลายบริษัทจากหลากหลายวงการได้นำไปใช้ ตัวอย่างเช่น ช่องสนนทนาของซีเอ็นเอ็นในเฟซบุ๊ค เว็บไซต์ขายสินค้าออนไลน์ของบริษัทอาลีบาบา

“การบูรณาการพฤติกรรมผู้บริโภคเข้ากับข้อมูลการทำธุรกรรมจะช่วยให้เรามีมุมมอง360 องศาเกี่ยวกับลูกค้าและช่วยให้เราเสนอสินค้าให้ตรงกับความต้องการของลูกค้าได้มากขึ้น”ไฮเทช ภาร์วานิ กรรมการผู้อำนวยการกลุ่มบริษัทกันโม ให้ความเห็น

157913400741

แคพิลลารีมีความร่วมมือทางธุรกิจกับบริษัทต่างๆในมาเลเซีย และสิงคโปร์เพื่อจัดส่งผลประกอบทางธุรกิจโดยให้เอไอเป็นผู้คำนวณ

“พูดอีกอย่างก็คือ คนค้าปลีกรองเท้ากำลังแนะนำรองเท้าใหม่ที่มีประสิทธิภาพสูง โดยอาศัยข้อมูลการทำธุรกรรมช่วงที่ผ่านมา เอไอสามารถช่วยเลือกผู้ฟังที่ถูกกลุ่มเพื่อตอบสนองการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ๆได้ ”วิกรัม พัท หัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่ฝ่ายผลิตภัณฑ์ของแคพิลลารี กล่าว

ขณะที่ซู เหลียน เจย์ หัวหน้านักวิเคราะห์จากเอบีไอ รีเสิร์ช บริษัทวิเคราะห์ด้านเทคโนโลยี ให้ความเห็นว่า ปัญหาหนึ่งของบริษัทในอุตสาหกรรมค้าปลีกคือการขาดแคลนทรัพยากรที่จะลงทุนด้านเอไอ หรือถ้าพูดให้ตรงๆคือ ต้นทุนคืออุปสรรคสำคัญ เนื่องจากทุกวันนี้ส่วนต่างกำไรของบริษัทค้าปลีกที่มีหน้าร้านถูกกดดันอย่างหนักจากกลุ่มค้าปลีกออนไลน์ การทุ่มเม็ดเงินจำนวนมากลงทุนด้านเอไอจึงเป็นเปรียบเหมือนยาขมสำหรับบริษัทค้าปลีกแบบมีหน้าร้าน โดยเฉพาะเมื่อผลตอบแทนจากการลงทุนในส่วนนี้ยังไม่มีความชัดเจน

ซู ประมาณการว่า "อาจจะต้องใช้เวลาประมาณ 5-10 ปีกว่าที่เอไอจะเข้ามามีบทบาทอย่างมากในอุตสาหกรรมค้าปลีกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เคาท์เตอร์เช็คสินค้าและจ่ายเงินสินค้าด้วยตัวเองผ่านเทคโนโลยีเอไอที่ขณะนี้แพร่หลายอย่างมากในหลายประเทศ รวมทั้งในออสเตรเลียและในสหรัฐ อาจจะต้องใช้เวลาประมาณ 5 ปีกว่าจะรุกเข้ามาในสิงคโปร์

157913409728

ปลายปีที่แล้ว ไพรซ์วอเตอร์เฮาส์คูเปอร์ ได้นำเสนอ 5 วิสัยทัศน์ ที่ซีอีโอ ต้องมีเพื่อยกระดับองค์กรให้สามารถใช้งานเอไอได้อย่างมีประสิทธิภาพ ประกอบด้วย 1.เข้าใจเอไอและเลือกใช้ให้เหมาะสมกับองค์กร 2.ระบุวิสัยทัศน์ของการใช้เอไอขององค์กรในอนาคตอย่างชัดเจน 3.จัดตั้งกระบวนการในการใช้งานเอไออย่างเป็นขั้นเป็นตอน และ4 .เตรียม ‘คน’ ให้พร้อมรับการทำงานที่แตกต่างไปจากเดิม

ถึงเวลาต้องเอาจริงเอาจังกับการปรับตัวรับ“เทคโนโลยีดิสรัป”แล้ว มิฉะนั้นจะสายเกินไปและเสียเปรีบลในแง่ของการแข่งขัน