“ประวิตร” ย้ำหน่วยงาน ต้องมีน้ำประปาใช้ตลอดแล้งนี้ให้ได้
พร้อมรณรงค์ขอความร่วมมือเกษตรกรให้เลี่ยงดึงน้ำไปใช้เพื่อการเกษตร
เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ(สทนช.) ดร.สมเกียรติ ประจำวงษ์ เปิดเผยว่า สถานการณ์น้ำในปัจจุบันพบว่า มีผลกระทบบางพื้นที่ โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการแก้ปัญหาระยะสั้น "แล้งนี้ต้องอยู่รอด" รวมถึงมาตการแก้ระยะกลางและระยะยาว
ขณะเดียวกันพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ย้ำว่า ต้องมีน้ำปะปาใช้ไปตลอดฤดูแล้ง ซึ่งขณะนี้ มีเขตประสบภัยแล้งแล้ว 18 จังหวัด นอกจากนี้มีพื้นที่เสี่ยง 31 จังหวัดที่หากไม่เตรียมแผนรองรับหรือไม่มีการดำเนินการใดๆ ก็จะเกิดภัยแล้งได้
"สถานการณ์ต่างๆ ขณะนี้เป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าและปัญหาระยะยาว โดยสัปดาห์หน้าพล.อ.ประวิตร จะนั่งหัวโต๊ะเป็นประธานการประชุมงบบูรณาการแก้ไขปัญหาน้ำทั้งหมดที่ได้รับการจัดสรรในงบประมาณปี 63 เกือบ 6 หมื่นล้านบาท และในปี 64 จะวางรากฐานแหล่งน้ำให้ได้ โดยมีโครงการขนาดใหญ่เพื่อแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน
“นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ มีบัญชาอย่างชัดเจนให้ทุกหน่วยงานดำเนินการแก้ปัญหาแบบนี้ โดยสั่งการพิเศษว่าในระยะ 10 วัน ต้องรู้ผลแก้ปัญหาไปถึงไหนอย่างไรบ้าง" เลขาธิการ สทนช. กล่าว
นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังการประชุมการประชาสัมพันธ์และสร้างการรับรู้การแก้ปัญหาภัยแล้งที่ทำเนียบรัฐบาลว่า จากนี้ จะมีการแถลงข่าวทุกวันจันทร์และพฤหัสบดี เพื่อให้ข้อมูลกับประชาชน และรัฐบาลยืนยันน้ำอุปโภคและบริโภคจะมีใช้ตลอดทั้งปี
ส่วนน้ำทำการเกษตรนั้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะรณรงค์ขอความร่วมมือเกษตรกรเพื่อสร้างการรับรู้ต่อไป
ในส่วนของพื้นที่เขตกรุงเทพฯและปริมณฑลที่อยู่ในเขตการประปานครหลวงที่มีปัญหาน้ำเค็มรุกล้ำ ได้มีการแก้ปัญหาโดยการผันน้ำจากแม่กลองขับไล่น้ำเค็มรุกล้ำเจ้าพระยาให้กลับสู่ปกติ, นายสมเกียรติกล่าว
นอกจากแผนระยะสั้นแล้ว ยังมีแผนงานที่ต้องดำเนินการต่อในส่วนโครงการขนาดใหญ่วงเงินเกิน 1,000 ล้านบาท รวม 57 โครงการ เพิ่มน้ำต้นทุน 4,398 ล้าน ลบ.ม. พื้นที่รับผลประโยชน์ 7.34 ล้านไร่
วันนี้ การประปานครหลวงได้รายงานสภาพน้ำดิบสำหรับทำประปาว่า ยังมีค่าคลอไรด์เกินเกณฑ์ในหลายพื้นที่ สามารถใช้ในการอุปโภคได้ตามปกติ แต่ควรหลีกเลี่ยงการบริโภค โดยเฉพาะในกลุ่มเสี่ยง (เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ ผู้ป่วย) โดยค่าคลอไรด์เกินกว่า 250 มิลลิกรัมต่อลิตร ส่งผลต่อการรับรู้รสชาติ พื้นที่ละ 12 ชั่วโมงเป็นส่วนใหญ่ ยกเว้นในพื้นที่สาขาบางกอกน้อยและแม้นศรี พื้นที่ละ 9 ชั่วโมง
กปน.แนะให้ประชาชนตรวจสอบคุณภาพน้ำประปาในพื้นที่ของตนเอง
