'จีน' จ่อซื้อสินค้าเพิ่ม 8 หมื่นล้านดอลล์ ก่อนลงนามสหรัฐวันนี้

'จีน' จ่อซื้อสินค้าเพิ่ม 8 หมื่นล้านดอลล์ ก่อนลงนามสหรัฐวันนี้

สื่อทั่วโลกประโคมข่าว จีนเตรียมซื้อสินค้าจากสหรัฐเพิ่ม ทั้งรถยนต์,เครื่องบิน,พลังงาน มูลค่ารวมเกือบ 8 หมื่นล้านดอลลาร์ ช่วง 2 ปีข้างหน้า เป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงการค้าเฟสแรก ที่ทั้งฝ่ายเตรียมลงนามร่วมกันวันที่ 15 ม.ค.นี้ หลังสหรัฐ ถอดจีนจากประเทศ

สื่อต่างประเทศ รายงานโดยอ้างแหล่งข่าววงในว่า จีน เตรียมซื้อสินค้าด้านอุตสาหกรรมจากสหรัฐเพิ่มขึ้นอีกเกือบ 8 หมื่นล้านดอลลาร์ในช่วง 2 ปีข้างหน้า ในการลงนามข้อตกลงการค้าเฟสแรกวันพุธ(15ม.ค.)ตามเวลาสหรัฐ โดยสินค้าอุตสาหกรรมที่จีนจะซื้อจากสหรัฐ รวมถึงรถยนต์และเครื่องบิน

แหล่งข่าว ระบุด้วยว่า จีนจะซื้อสินค้าด้านพลังงานจากสหรัฐเพิ่มอีก 5 หมื่นล้านดอลลาร์ และจะซื้อสินค้าด้านการบริการจากสหรัฐรวมมูลค่า 3.5 หมื่นล้านดอลลาร์ในช่วง 2 ปีข้างหน้า

ข่าวนี้มีขึ้นก่อนที่สหรัฐและจีนจะลงนามข้อตกลงการค้าเฟสแรก โดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เตรียมจัดพิธีลงนามข้อตกลงการค้าเฟสแรกกับจีนที่ทำเนียบขาวในวันพุธนี้ เวลา 11.30 น.ตามเวลาสหรัฐ หรือ 23.30 น.ตามเวลาไทย

ขณะเดียวกัน รัฐบาลสหรัฐได้ถอดจีนออกจากรายชื่อประเทศที่บิดเบือนค่าเงิน เนื่องจากจีนได้แสดงความมุ่งมั่นที่จะหลีกเลี่ยงการลดค่าเงินเพื่อหวังผลด้านการแข่งขัน โดยเจตนารมณ์ดังกล่าวของจีนปรากฎให้เห็นในข้อตกลงการค้าเฟสแรกซึ่งสหรัฐและจีนมีแผนจะลงนามร่วมกันในวันพุธนี้

กระทรวงการคลังสหรัฐ แถลงว่า การประกาศถอดรายชื่อประเทศจีนออกจาก “บัญชีดำ” ประเทศที่แทรกแซงค่าเงิน ถือเป็นการสร้างบรรยากาศที่เป็นมิตรก่อนที่ตัวแทนจากทั้งสหรัฐและจีนจะลงนามข้อตกลงการค้าเฟสแรกร่วมกัน โดย นายโรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐ เปิดเผยว่า รายละเอียดของข้อตกลงการค้าอยู่ระหว่างขั้นตอนการแปลเป็นภาษาอังกฤษและภาษาจีน ซึ่งใกล้เสร็จสิ้นแล้ว และข้อความดังกล่าวจะถูกเปิดเผยต่อสาธารณชนก่อนการลงนามข้อตกลงการค้า

ขณะที่ นายหลิว เหอ รองนายกรัฐมนตรีจีน เดินทางถึงกรุงวอชิงตันเมื่อ 13 ม.ค. ที่ผ่านมา เพื่อเป็นตัวแทนของจีนในการเข้าร่วมพิธีการลงนามข้อตกลงการค้าร่วมกับประธานาธิบดีทรัมป์ โดยเจ้าหน้าที่ซึ่งเกี่ยวข้องกับกระบวนการเจรจาการค้า ระบุว่า ถึงแม้ทางจีนจะไม่ได้รับผลกระทบที่เป็นรูปธรรมจากการถูกขึ้น “บัญชีดำ” แต่การถอดจีนออกจากบัญชีดังกล่าวเป็นการสร้างบรรยากาศที่เป็นมิตรระหว่างทั้งสองประเทศ

กระทรวงการคลังสหรัฐฯ ประกาศขึ้นบัญชีดำจีนเมื่อเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่สถานการณ์สงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนตึงเครียดที่สุด โดยสหรัฐไม่เคยกล่าวหาว่าประเทศจีนแทรกแซงค่าเงินนับตั้งแต่ปี2537 เนื่องจากจีนไม่เข้าข่ายนิยามประเทศที่ทำการแทรกแซงค่าเงินซึ่งกำหนดโดยสหรัฐ

จีนเผยมูลค่าการค้าจีน-สหรัฐปี62หดตัว

สำนักงานศุลกากรจีน (จีเอซี) เปิดเผยว่า มูลค่าการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐลดลง 10.7% ในปี 2562 แตะที่ 3.7 ล้านล้านหยวน (ประมาณ 5.37 แสนล้านดอลลาร์) หลังจากข้อพิพาทการค้าระหว่าง 2 ประเทศได้ส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของทั้ง 2 ฝ่าย

โฆษกจีเอซี เปิดเผยว่า “ความเสี่ยงจากปัจจัยทั้งภายในและนอกประเทศเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด”ซึ่งนอกเหนือจากการทำสงครามการค้าซึ่งกินเวลาเกือบ 18 เดือนแล้ว จีน ยังเผชิญกับปัญหาภายในประเทศ เช่น ภาวะขาดแคลนเนื้อหมูเนื่องจากไข้หวัดหมูแอฟริกันระบาด ส่งผลให้จีนต้องนำเข้าเนื้อหมูเพิ่มขึ้นถึง 75% ในปี 2562

สำนักข่าวเกียวโด รายงานว่า แม้ยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดอย่างเป็นทางการ แต่สื่อคาดว่าภายใต้ข้อตกลงดังกล่าว สหรัฐจะยกเว้นการเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีน เพื่อแลกเปลี่ยนกับการที่จีนต้องซื้อสินค้าจากสหรัฐเพิ่มขึ้น รวมถึงการยกระดับการปกป้องทรัพย์สินทางปัญญา

อ่านข่าว-ข่าวสหรัฐเดินหน้ารีดภาษีจีนกดดันหุ้นวอลล์สตรีทปิดไร้

157905044892

สหรัฐเตือนบ.ไฮเทคมะกันอย่าทำเสียบรรยากาศ

นายไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ เตือนบริษัทเทคโนโลยีของสหรัฐว่า อย่ามีส่วนส่งเสริมให้จีนเป็นรัฐสอดส่องประชาชนมากยิ่งขึ้นไปอีก ก่อนที่ทั้งสองประเทศจะลงนามข้อตกลงการค้าระยะหรือเฟสหนึ่งร่วมกัน

นายปอมเปโอ กล่าวที่สโมสรเครือจักรภพแห่งแคลิฟอร์เนีย ซึ่งเป็นเวทีถกปัญหาสาธารณะเก่าแก่ที่สุดและใหญ่ที่สุดของสหรัฐที่นครซานฟรานซิสโกว่า จะต้องสร้างความมั่นใจว่าเทคโนโลยีของสหรัฐจะไม่ถูกนำไปเพิ่มอำนาจให้แก่ความเป็นรัฐสอดส่องอย่างสมบูรณ์ หลักการอเมริกันจะต้องไม่ถูกพลีให้แก่ความมั่งคั่ง รัฐบาลประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ต้องการให้บริษัทอเมริกันไปหาความร่ำรวยด้วยการทำธุรกิจในจีน แต่ขณะเดียวกันก็ต้องสร้างความมั่นใจว่า บริษัทอเมริกันจะไม่ทำข้อตกลงที่จะเสริมอำนาจกองทัพของคู่แข่ง หรือเสริมอำนาจการกดขี่ของรัฐบาลนั้น ๆ

ทั้งนี้ กลุ่มเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชน พากันแสดงความกังวลว่า จีนจะใช้เทคโนโลยีพัฒนาระบบสอดส่องประชาชนในลักษณะที่รุกล้ำความเป็นส่วนตัว และจีนได้ใช้เทคโนโลยีในเขตปกครองตนเองซินเจียงที่เจ้าหน้าที่ความมั่นคงสามารถระบุตัวบุคคลได้อย่างรวดเร็ว ทราบความเคลื่อนไหวและภูมิหลังของบุคคลอย่างละเอียด กลุ่มเคลื่อนไหวด้านสิทธิทนุษยชนยังอ้างว่าจีนควบคุมตัวชาวมุสลิมในเขตนี้ไว้กว่าล้านคน

157905046085