'เอดับบลิวซี' ผนึก 'ไอเอชจี เท 3 พันล้าน รีแบรนด์อิมพีเรียลแม่ปิง

'เอดับบลิวซี' ผนึก 'ไอเอชจี เท 3 พันล้าน รีแบรนด์อิมพีเรียลแม่ปิง

“AWC” ผนึกยักษ์เชนโรงแรมโลก “ไอเอชจี” พัฒนาโรงแรม 5 แห่ง รวมกว่า 1,200 ห้องในไทย ประเดิมรีแบรนด์ “อิมพีเรียล แม่ปิง” โรงแรมแรกของทีซีซีกรุ๊ป เป็น “อินเตอร์คอนติเนนตัล เชียงใหม่ แม่ปิง” มูลค่าลงทุนรวมเกือบ3 พันล้าน เจาะตลาดลักชัวรี

หนึ่งในกลยุทธ์สร้างการเติบโตของบริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC ภายใต้ทีซีซีกรุ๊ปของเจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี คือการจับมือกับพันธมิตร (Partnership) เพื่อนำแนวทางปฏิบัติและมาตรฐานการบริหารงานและให้บริการโรงแรมที่ดีที่สุดมาใช้

หลังจากเมื่อเดือน พ.ย.2562 AWCได้ประกาศความร่วมมือกับ “แมริออท” เชนรับบริหารโรงแรมรายใหญ่อันดับ1ของโลก ล่าสุดวานนี้ (14 ม.ค.) ได้ประกาศความร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับอีกหนึ่งเชนรับบริหารโรงแรมระดับโลกอย่าง “อินเตอร์คอนติเนนตัล โฮเต็ล กรุ๊ป” (ไอเอชจี) เป็นพันธมิตรระยะยาวอีกราย เพื่อพัฒนาโรงแรมในประเทศไทยเพิ่มเติม

นางวัลลภา ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC กล่าวว่า ได้จับมือกับเครือไอเอชจี เพื่อเตรียมพัฒนาโรงแรมใหม่และปรับโฉมโรงแรมเก่า รวม 5 แห่ง คิดเป็นจำนวนห้องพักกว่า1,200ห้องในจุดหมายด้านการท่องเที่ยวสำคัญของไทย เพิ่มจากปัจจุบันที่เครือไอเอชจีรับบริหารโรงแรมของ AWC อยู่แล้ว1แห่ง คือ โรงแรมฮอลิเดย์ อินน์ เอ็กซ์เพรส กรุงเทพฯ สาทร

สำหรับเหตุผลที่เลือกเครือไอเอชจี เนื่องจากเป็นเชนรับบริหารโรงแรมที่แข็งแกร่ง มีเครือข่ายการขายเป็นอันดับต้นๆ ของโลก จากโปรแกรมสมาชิก ไอเอชจี รีวอร์ดส์ คลับ ซึ่งมีฐานสมาชิกมากกว่า100ล้านคน เป็นช่องทางสำคัญที่ทำให้เครือไอเอชจีเข้าถึงลูกค้านักเดินทางทั่วโลก โดยเฉพาะยุโรปและจีน

ลุยรีแบรนด์อิมพีเรียล แม่ปิง

ประเดิมด้วยการเซ็นสัญญาบริหารจัดการโรงแรม “อินเตอร์คอนติเนนตัล เชียงใหม่ แม่ปิง” รีแบรนด์จากเดิมที่ใช้ชื่อว่า “อิมพีเรียล แม่ปิง” ซึ่งเปิดให้บริการมานานกว่า31ปี ถือเป็นโรงแรมแห่งแรกของทีซีซีกรุ๊ปหลังเข้าซื้อกิจการโรงแรมนี้เมื่อปี2532และมีส่วนสำคัญในการผลักดันให้เชียงใหม่เป็นเมืองท่องเที่ยวสำคัญของไทยจนเป็นที่รู้จักในตลาดต่างประเทศ

“โรงแรมอิมพีเรียล แม่ปิง ถือเป็นโรงแรมนำโชคของทีซีซีกรุ๊ปและ AWC เพราะหลังจากเข้าซื้อกิจการโรงแรมนี้ ก็ช่วยส่งเสริมให้มีโครงการอสังหาริมทรัพย์ใหม่ๆ เข้ามาในพอร์ตตลอด จึงมองว่าถึงเวลาแล้วที่จะรีแบรนด์พร้อมปรับโฉมให้สมฐานะโรงแรมแห่งแรกของเรา เปลี่ยนชื่อใหม่เป็น โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล เชียงใหม่ แม่ปิง มูลค่าการลงทุนของทั้งโครงการนี้อยู่ที่เกือบ3,000ล้านบาท”

วางคอนเซ็ปต์พิพิธภัณฑ์มีชีวิต

พร้อมวางคอนเซ็ปต์ใหม่ ให้โรงแรมเป็นเหมือนพิพิธภัณฑ์ที่มีชีวิตแห่งแรกของไทย เต็มไปด้วยเสน่ห์ของประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมล้านนาที่งดงามและทรงคุณค่า พร้อมรองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมไมซ์ (MICE) หรือ การจัดประชุม สัมมนา ท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัล และแสดงสินค้า ด้วยขนาดห้องพัก306ห้อง ร้านอาหารและเครื่องดื่ม6แห่ง และพื้นที่จัดประชุมและจัดเลี้ยงทั้งภายในและภายนอกกว่า3,600ตารางเมตร ตั้งเป้าเป็นโรงแรมระดับไอคอนของเชียงใหม่

นอกจากนีิ อีกหนึ่งไฮไลท์ที่ยังคงไว้คือ พิพิธภัณฑ์ “เติ้งลี่จวิน” ซึ่งตั้งอยู่บนห้องสวีทชั้น15ของโรงแรม เพื่อรำลึกถึงนักร้องไต้หวันผู้เป็นไอคอนทางวัฒนธรรม โดยห้องนี้จะได้รับการอนุรักษ์ภายใต้แผนปรับปรุงให้เป็นร้านอาหารและบาร์บนชั้นดาดฟ้า แขกผู้เข้าพักสามารถสัมผัสประสบการณ์ดั้งเดิม เหมือนช่วงเวลาที่เติ้งลี่จวินเคยเข้าพักที่นี่เมื่อ20ปีก่อน

ดีเดย์เปิดบริการปี2564

ทั้งนี้ มีกำหนดเปิดโรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล เชียงใหม่ แม่ปิง ในปี 2564 และจะดำเนินการส่วนขยายจนแล้วเสร็จอย่างเต็มรูปแบบในปี 2565 คาดว่าในปีแรกที่เปิดให้บริการเต็มรูปแบบจะมีอัตราเข้าพักไม่ต่ำกว่า 60% และสามารถขยับราคาห้องพักสูงขึ้นเป็น 6,000 บาทขึ้นไปตามเป้าหมายเจาะกลุ่มลูกค้าลักชัวรี จากเดิมที่โรงแรมอิมพีเรียล แม่ปิง ขายห้องพักได้ในราคาเฉลี่ย 1,000 กว่าบาท มีอัตราเข้าพักเฉลี่ย 80% ซึ่งสามารถทำกำไรมาโดยตลอด

รองรับศักยภาพของภาคท่องเที่ยวเชียงใหม่ หลังการขยายพื้นที่ของสนามบินนานาชาติเชียงใหม่ซึ่งคาดว่าจะเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับผู้โดยสารได้มากถึง 16 ล้านคนในปี2565 และสนามบินแห่งที่ 2 ของเชียงใหม่ ใน อ.สันกำแพง ซึ่งคาดว่าจะเปิดให้บริการได้ภายในปี2568 สามารถรองรับผู้โดยสารได้สูงสุด 10 ล้านคนต่อปี

เตรียมเซ็นไอเอชจีบริหารเพิ่ม4แห่ง 

นางวัลลภา กล่าวเพิ่มเติมว่า ภายใน 2 ปีนับจากนี้จะดำเนินการเซ็นสัญญาว่าจ้างเครือไอเอชจีบริหารจัดการโรงแรมส่วนที่เหลืออีก4แห่ง จากทั้งหมด 5 แห่งดังกล่าว ทั้งแบบสร้างใหม่และปรับโฉม คิดเป็นกว่า 1,200 ห้องพักเพื่อเจาะนักท่องเที่ยวตลาดระดับกลางถึงสูง โดยเป็นส่วนหนึ่งของ 8 โครงการตามกรอบความร่วมมือกับเครือไอเอชจีที่บางโครงการ AWC อยู่ระหว่างศึกษาศักยภาพการลงทุน ครอบคลุมทั้งโครงการใหม่และโครงการเก่าอย่างละครึ่ง

ประกอบด้วย ในกรุงเทพฯ4โครงการ ได้แก่ โครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์แบบผสมผสานหรือมิกซ์ยูสย่านเยาวราช (เวิ้งนาครเกษม), มิกซ์ยูสที่ย่านบางนา, มิกซ์ยูสริมแม่น้ำเจ้าพระยา และโรงแรมแนวไลฟ์สไตล์ย่านเจริญกรุง ส่วนในต่างจังหวัดมีอีก 4 โครงการ ได้แก่ มิกซ์ยูสในเมืองพัทยา, โรงแรมระดับลักชัวรี และโรงแรมแนวไลฟ์สไตล์ที่เชียงใหม่, โรงแรมแนวไลฟ์สไตล์ระดับลักชัวรีที่เชียงราย และรีสอร์ทแนวไลฟ์สไตล์ที่หัวหิน

ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 2 ม.ค.2563 AWCได้ประกาศเข้าซื้อกิจการอสังหาริมทรัพย์ในกลุ่มธุรกิจโรงแรมและการบริการ และอสังหาริมทรัพย์แบบผสมผสาน จำนวน 12 โครงการ ตามสัญญาซื้อขายหุ้นสินทรัพย์กลุ่ม 3 ปี 2562 เสริมจำนวนห้องพักรวม 989 ห้องในทันที และอีกมากกว่า 2,500 ห้องจากโครงการที่อยู่ระหว่างการปรับปรุงหรือพัฒนา พร้อมทั้งการพัฒนาโครงการแบบมิกซ์ยูสรวมทั้งค้าปลีกในอนาคต

การเดินหน้าซื้อกิจการที่เป็นเจ้าของสินทรัพย์กลุ่มที่ 3 ของบริษัทฯ ตามสัญญาซื้อขายหุ้นปี 2562 ซึ่งประกอบด้วย โรงแรมในระดับMidscaleถึงUpper Upscaleที่เปิดดำเนินการแล้ว 4 แห่ง ได้แก่ โรงแรมแบงค็อก แมริออท เดอะ สุรวงศ์, โรงแรมฮอลิเดย์ อินน์ เอ็กซ์เพรส กรุงเทพ สาทร, โรงแรมภูเก็ต แมริออท รีสอร์ท แอนด์ สปา ในยางบีช และโรงแรมหัวหิน แมริออท รีสอร์ท และ สปา และโรงแรมรวมทั้งโครงการมิกซ์ยูสที่อยู่ระหว่างการปรับปรุงหรือพัฒนา รวมอีก 8 แห่ง ด้วยมูลค่าการลงทุนรวมกว่า 26,229 ล้านบาท เพื่อเสริมศักยภาพและความหลากหลายของพอร์ตโฟลิโอกลุ่มธุรกิจโรงแรมและการบริการ ซึ่งจะสร้างผลประกอบการอย่างก้าวกระโดดภายใน 5 ปี