'เฮียฮ้อ' ควงบีทีเอส-คิงเพาเวอร์ สยายปีกธุรกิจพาณิชย์ 'อาร์เอส'

'เฮียฮ้อ' ควงบีทีเอส-คิงเพาเวอร์ สยายปีกธุรกิจพาณิชย์ 'อาร์เอส'

เมื่อชะตา “อุตสาหกรรมทีวีดิจิทัล” ไม่เอื้อให้ธุรกิจเติบโต แข่งเดือดจากจำนวนช่องมากมาย ซ้ำร้ายโดนคลื่นเทคโนโลยี “ดิสรัป”ธุรกิจแทนที่ด้วยออนไลน์ จนเศรษฐีเก่า-ใหม่ ทุนใหญ่-เล็กต้อง “ขาดทุน”บักโกรก

สำหรับตลาดยาสีฟันมีมูลค่า 12,000 ล้านบาท มีอัตราเติบโต 30% ซึ่งเซ็กเมนต์พรีเมียมที่เป็นหมวด(แคทกอรี่สุขภาพ และลมหายใจสดชื่น มีผู้เล่นไม่มากนัก อีกทั้งบเป็นผู้เล่นในประเทศ(Local)ด้วย เช่น เดนทิสเต้ ดอกบัวคู่ พาโรดอนแทกซ์ เซ็นโซดายน์ เป็นต้น

“เราทำการบ้านเยอะมากเกี่ยวกับตลาดคอนซูเมอร์โปรดักท์ ทั้งสบู่ แชมพู แต่ตลาดเหล่านั้นแข่งกันด้วยสงครามราคา เราจึงเลือกตลาดยาสีฟัน และไม่เล่นตลาดทั่วไป(แมส) ขอเจาะเซ็กเมนต์พรีเมี่ยม ทำตลาดเพิ่มมูลค่าสินค้าได้ เพราะเมื่อมีสินค้าดี สื่อหรือมีเดียที่บีทีเอสมีทั้งสื่อนอกบ้าน สื่อเคลื่อนที่อย่างรถไฟฟ้าซึ่งเราไม่มี นำมาซีนเนอร์ยีกัน และเปลี่ยนผู้บริโภคที่เห็นสื่อกระตุ้นให้เกิดยอดขายหรือ Conversion”

ส่วนการแบ่งรายได้ ลูกค้าเห็นสินค้าจากสื่อไหนแล้วซื้อสินค้าเข้ามายังแพลตฟอร์มอาร์เอส มอลล์ จะถูกแบ่งเป็นรายได้ของพันธมิตรรายนั้นๆ ปัจจุบันอาร์เอสมีฐานผู้บริโภคในมือ 1.6 ล้านราย เพิ่มขึ้น 20% เป็นคนกรุงเทพฯ 40% ต่างจังหวัด 60% ส่วนใหญ่อายุ 35 ปีขึ้นไป พฤติกรรมการซื้อสินค้าเฉลี่ย 2,500 บาทต่อครั้ง เพิ่มขึ้น 4% มีความถี่ 1.8 ครั้งต่อปี และปี2563 ตั้งเป้าเพิ่มความถี่เป็น 2.5 ครั้งต่อปี ขณะที่บีทีเอสมีฐานลูกค้านับ 10 ล้านรายหมุนเวียนใช้บริการรถไฟฟ้าต่อวัน และเป็นคนกรุงเทพฯและปริมณฑล 

สินค้าใหม่ยังมีทำตลาดเพิ่ม 30 รายการ(เอสเคยู)ต่อเดือน เสริมทัพที่มีกว่า 150 รายการ โดยบริษัทไม่เน้นเพิ่มปริมาณสินค้า มุ่งสร้าง “โปรดักท์แชมป์เปี้ยน”ทำเงินเป็นหลัก เฮียฮ้อ เผย

ขณะที่อีกพันธมิตรคือบิ๊กธุรกิจดิวตี้ฟรี อย่าง คิงเพาเวอร์” ของตระกูล ศรีวัตนประภา จะเห็นความร่วมมือครึ่งปีหลังของปี 2563 เบื้องต้นหารือเพื่อนำสินค้าไปจำหน่ายผ่านช่องทางของพันธมิตร และอาจเป็นคอมเมิร์ซของทั้ง 2 ฝ่าย

นอกจากนี้ สินค้าที่เป็นไฮไลท์ของปี 2563 คือการขยายสู่การท่องเที่ยวและบริการ ซึ่งจะนำแพ็คเกจห้องพัก การท่องเที่ยวทั้งและต่างประเทศมานำเสนอแก่ลูกค้า กลยุทธ์ดังกล่าวเป็นการต่อยอดจากธุรกิจดั้งเดิมอย่าง วิทยุ” คลื่น “คูล ฟาเรนไฮต์ 93” มีฐานผู้ฟัง 2 แสนราย ใช้เวลาเฉลี่ย 3 ชั่วโมงต่อวัน ซึ่งทางคลื่นจะจัดกิจกรรมพบปะแฟนๆและจัดทริปกันเสมอ จึงต้องการตอบโจทย์ความต้องการเชิงลึก(อินไซต์)กลุ่มเป้าหมายด้วย

ตลาดท่องเที่ยวและบริการเป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่มาก แต่สำคัญกว่านั้นถือเป็นกลยุทธ์ที่ turn ผู้ฟังคลื่นวิทยุของเรา ที่เรารู้ว่าเขาชอบ ต้องการทำอะไร นี่ถือเป็นการใช้ Data Driven และ Package Service ที่เราจะทำออกมาจะไม่เหมือนคู่แข่งด้วย

เมื่อ Speed และทางลัดสำคัญ บริษัทยังเดินหน้ากลยุทธ์ซื้อและควบรวมกิจการ(M&A) เพื่อผลักดันการเติบโตแบบก้าวกระโดด ส่วนธุรกิจที่สนใจเปิดกว้างทั้ง ทีวี วิทยุแพลตฟอร์ม สินค้า โรงงานผลิตสินค้า” ต่อยอดโมเดลธุรกิจที่มีรองรับได้อยู่แล้ว

การทำ M&A จะทำให้บริษัทมีศักยภาพในการแข่งขันมากขึ้น ผลักดันการเติบโตก้าวกระโดดปูฐานสู่การเติบโตระยะยาว

ส่วนธุรกิจทีวีดิจิทัล ปีนี้ยังลงทุน 600 ล้านบาท เพื่อผลิตและซื้อคอนเทนท์สร้างเรทติ้งให้สูงขึ้น อย่างไรก็ตาม ปีนี้สิ่งที่ต้องจับตามองว่าจะกระทบธุกิจ นอกจากเศรษฐกิจ ยกให้การประมูล 5G เพราะจะเข้ามาดิสรัปสื่อดั้งเดิมให้ดำเนินธุรกิจยากลำบากยิ่งขึ้น