'น้ำนมข้าวยาคู' วิจัยจากรวง สร้างตลาดใหม่ชาวนา

'น้ำนมข้าวยาคู' วิจัยจากรวง สร้างตลาดใหม่ชาวนา

“น้ํานมข้าวยาคู” ผลิตภัณฑ์จากการผนวกผลงานวิจัยเกี่ยวกับข้าวที่มีในไทย ต่อยอดด้วย"นวัตกรรมการผลิตจากแล็บ" ยกระดับสู่ผลิตภัณฑ์เสริมสุขภาพเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรโดยที่ไม่จําเป็นต้องปลูกข้าวจนระยะเก็บเกี่ยวก็สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มได้

จากการที่มองเห็นปัญหาของเกษตรกรผู้ปลูกข้าวกว่า 3.7 ล้านครัวเรือนที่มีต้นทุนการผลิตสูงจากกระบวนการเพาะปลูกไม่มีประสิทธิภาพอีกทั้งปัญหาของผู้ป่วยโรคภูมิแพ้ที่พบบ่อยขึ้น และมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ได้กระตุ้นให้เกิดการเสาะหานวัตกรรมเพื่อตอบโจทย์ดังกล่าว

พลิกผืนนาฝ่าทางตัน

นรพนธ์ บุญเคลือบ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท ไบโอเมดอินโนเวชั่น จํากัด ได้ทําการศึกษางานวิจัยที่มีอยู่ในประเทศไทยทั้งจากสถาบันการศึกษาและหน่วยงานของรัฐ แล้วนํามาผนวกกันพร้อมทั้งวิจัย เพิ่มเติมเพื่อสรรหากระบวนการที่ดีที่สุดโดยใช้ระยะเวลากว่า 2 ปีจึงออกมาในรูปแบบ ของ “อาหารเพื่อสุขภาพนมข้าวยาคู (Young Rice Milk)” ภายใต้ชื่อยูมิ หรือ UMI

“น้ํานมข้าวยาคู” เป็นการคัดเลือก เมล็ดข้าวอ่อนของข้าวหอมมะลิจากแปลงเกษตรอินทรีย์ในจ.อยุธยา สุพรรณบุรี และปทุมธานีในช่วงเวลาที่ให้สารชีวพฤกษเคมี (Phytonutrients) ที่ดีโดยเป็นข้าวอ่อนในระยะน้ํานมหลังจากออกดอก 7-14 วัน อีกทั้งผ่านการตรวจสอบคุณภาพว่าไม่มีสารเคมี หรือโลหะปนเปื้อน ผลิตภัณฑ์ชนิดนี้มีกระบวนการผลิตและอายุเก็บรักษาสั้นเพียง 7วันทําให้ผู้ผลิตมีน้อย บริษัทจึงหาวิธีการผลิตที่เหมาะสมเพื่อให้เก็บรักษาได้นานจึงเลือกใช้เทคโนโลยีจากโรงงานนวัตกรรม ภายใต้การดูแลของสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) ควบคู่กับเทคโนโลยีเอนแคปซูเลชั่น (encapsulation) จากพันธมิตรเพื่อกักเก็บสารสําคัญไม่ให้ถูกทําลาย ทั้งยังเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการดูดซึมที่ลําไส้เล็กได้ดีเพิ่มขึ้น

บริษัทได้พัฒนาผลิตภัณฑ์น้ํานมข้าวยาคู 2 รูปแบบคือ แบบพร้อมดื่มและแบบผงเอ็นแคปซูเลชั่น โดยแบบแรกเก็บรักษาได้นานถึง 1 ปี ขณะที่คนทั่วไปมักกังวลว่าระดับความร้อนในการฆ่าเชื้อจะทําลายคุณค่าหรือสารอาหารในตัวน้ํานมข้าวแต่ด้วยเทคโนโลยีของวว. ใช้ความร้อนระดับ 70-80 องศาเซลเซียส ซึ่งยังไม่ถึงจุดเดือดจึงทําให้สารอาหารยังคงอยู่

157899736535


ส่วนแบบผงใช้การผลิตด้วยกระบวนการสเปรย์ดราย (พ่นฝอย)
อุณหภูมิ 130 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 3 นาทีจากนั้นนําผงน้ํานมข้าววิเคราะห์คุณภาพและคุณค่าทางโภชนาการ

บริษัทโฟกัสกลุ่มเป้าหมาย 2กลุ่มคือ กลุ่มผู้บริโภคทั่วไป ผู้ป่วยที่เป็นภูมิแพ้ ผู้สูงอายุและผู้ที่เน้นดูแลสุขภาพ ผู้ที่มีปัญหาแพ้นมวัว นมถั่วเหลือง อีกกลุ่มคือ ผู้ประกอบการที่ต้องการนําไปเป็นส่วนผสมในเครื่องดื่มชนิดอื่นๆ เพื่อเพิ่มคุณค่าทางอาหาร หรือแม้กระทั่งใช้ในด้านเวชสําอาง

“บริษัทได้เข้ารับการบ่มเพาะใน โครงการ Young Technopreneur 2019 โดยกลุ่มบริษัทสามารถร่วมกับสํานักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ขณะนี้กําลังผลิตสินค้ารอบที่ 1 แบบขวดแก้วพร้อมยื่นเอกสารของรับรองมาตรฐานหน่วยงานรับรองข้อมูลโภชนาการและเลขทะเบียน อย.คาดว่าจะแล้วเสร็จ และสามารถออกสู่ตลาดได้ในช่วง เม.ย. ที่จะถึงนี้"

เตรียมบุกตลาดโมเดิร์นเทรด

ส่วนแผนการตลาดจะทําให้ธุรกิจเป็นที่ รู้จักผ่านช่องทาง 2 ทางคือ 1.ทางออฟไลน์ ด้วยการร่วมออกงานนิทรรศการและงานสินค้า นวัตกรรม ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ และ เอกชนและผ่านทางตัวแทนจําหน่ายตามชุมชน ต่างๆ โดยเน้นให้ข้อมูลความรู้ในตลาด ผลิตภัณฑ์ใหม่ 2.ทางออนไลน์หรือสื่อโซเชียล ต่างๆ เมื่อเป็นที่รู้จักของตลาดแล้วก็จะขยายสู่โมเดิร์นเทรดในลําดับต่อไปพร้อมมองตลาด ในประเทศจีนซึ่งให้ความสนใจผลิตภัณฑ์ จากข้าว คาดว่าจะสามารถขยายตลาดได้เป็นอย่างดี

157899740823


“สิ่งที่ทําให้ยูมิมิลค์มีความพิเศษคือ วัตถุดิบข้าวอ่อนที่นํามาใช้เป็นระยะที่เหมาะสม 100% อีกทั้งมีแผนการวิจัยและพัฒนาต่อยอดโดยใช้สารสกัดจากท้องถิ่นต่างๆ มาเป็นส่วนผสมในน้ํานมข้าวเช่นข้าวสินเหล็ก ที่มีคุณสมบัติช่วยเพิ่มปริมาณเม็ดเลือดแดง ขณะเดียวกันก็จะร่วมมือกับหน่วยงานวิจัย ของภาครัฐในลําดับต่อไป” นรพนธ์ กล่าว

ยูมิมิลค์ยังการเปลี่ยนความคิดให้กับเกษตรกรหรือผู้ประกอบการที่ยังยึดติดกับการพัฒนาสินค้าแปรรูปเพียงแค่ขั้นกลางเพราะในความเป็นจริงแล้ว ตลาดต้องการสินค้าที่เป็นนวัตกรรมจากข้าวที่สามารถเทิร์นอะราวด์ ได้แตกต่างจากเดิมทั้งยังเป็นการแสดงให้เห็นว่าอุตสาหกรรมข้าวไทยควรพัฒนาเรื่องเทคโนโลยีและนวัตกรรมอย่างจริงจังเพื่อสร้างมิติใหม่ให้กับวงการค้าข้าวในตลาดโลก