เปลี่ยนม้ากลางศึก! ร่องรอยร้าวลึก คลี่ 'คดีปล้นทอง'

เปลี่ยนม้ากลางศึก! ร่องรอยร้าวลึก คลี่ 'คดีปล้นทอง'

ตีแผ่รอยร้าวลึกหลังคดี "ยิงคน-ปล้นทอง" จ.ลพบุรี ที่สะท้อนปัญหาการทำงานของตำรวจ และย้ำให้เห็นร่องรอยความขัดแย้งในหมู่ "บิ๊ก" สีกากี !

คดียิงคน-ปล้นทอง ผ่านมาแล้ว 5 วัน ท่ามกลางแรงกดดันของสังคมที่อยากให้จับกุมคนร้ายได้โดยเร็ว แต่จนถึงขณะนี้ตำรวจก็ยังจับกุมใครไม่ได้ การแถลงความคืบหน้าของคดีล่าสุดเมื่อวานนี้ คือการแถลงว่ายังไม่ได้จับกุมใครตามที่มีข่าวลือ ฉะนั้นจึงยังไม่มีข่าวดีใดๆ

คดีนี้สะท้อนปัญหาการทำงานของตำรวจมากพอสมควร และยังทำให้เห็นร่องรอยความขัดแย้งในหมู่ “บิ๊กสีกากี” ด้วย

แรกเริ่ม หลังเกิดเหตุใหม่ๆ พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รองผบ.ตร.) ลงไปกำกับดูแลเรื่องการสืบสวนคดีด้วยตนเอง เพราะในวันเกิดเหตุ (9 ม.ค.) พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) อยู่ในช่วงลาพัก จึงทำให้ พล.ต.อ.วิระชัย ในฐานะรักษาราชการแทน ผบ.ตร. ลงไปคุมคดี ลักษณะเหมือนคดียิงรถบิ๊กโจ๊ก (6 ม.ค.)

กระทั่งเข้าสู่วันที่ 3 และ 4 ของการทำงาน ข่าวที่สื่อมวลชนนำไปขยายความต่อ ถือว่าไปไกลมาก สวนทางกับการทำงานจริงที่ต้องใช้ความละเอียดรอบคอบ และระมัดระวัง ขณะที่ “บิ๊กแป๊ะ” พล.ต.อ.จักรทิพย์ ก็กลับมาแล้วจึงได้มีคำสั่งให้ “บิ๊กช้าง” พล.ต.อ.ชัยวัฒน์ เกตุวรชัย รอง ผบ.ตร.เพื่อนนักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่น 36 ไปเป็นหัวหน้าคณะทำงานในการสืบสวนสอบสวนเพื่อติดตามจับกุมคนร้าย แทนที่ พล.ต.อ.วิระชัย

สำหรับ “บิ๊กช้าง” ถือว่ามีความชำนาญและมีประสบการณ์สูง ผ่านงานสืบสวนคดีสำคัญมามากมาย และมีความใกล้ชิด ผบ.ตร. เรียกได้ว่าเป็นเงาตามตัว ผบ.ตร.เลยก็ว่าได้ ทุกงานใหญ่ คดีดัง จะเห็น “บิ๊กช้าง” ลงไปทำงานทุกครั้ง ด้วยความเป็นเพื่อนนักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่นเดียวกัน จึงทำให้ ผบ.ตร.ไว้วางใจในการทำงาน

นอกจากนั้น ก็ระดมนักสืบระดับพระกาฬ ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมรุ่นเช่นกัน ไปคลี่คลายคดีกันอย่างคึกคัก ทั้ง พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ หรือ “บิ๊กใหม่” และ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข หรือ “บิ๊กปั๊ด” หนำซ้ำ พล.ต.อ.สุชาติ ยังให้สัมภาษณ์แบบมีนัย ตำหนินายตำรวจบางนายให้ข่าวมากเกินไปจนทำให้คดีสับสน

ทั้งหมดนี้ทำให้ พล.ต.อ.วิระชัย รุ่น 37 เป็นเหมือนรอง ผบ.ตร.ข้าวนอกนา ต้องร้องเพลง “ถ้าเขามา ฉันจะไป” และสุดท้าย พล.ต.อ.วิระชัย ก็ต้องไปจริงๆ

เป็นที่น่าสังเกตว่า “การเปลี่ยนเรือกลางน้ำ เปลี่ยนม้ากลางศึก” ครั้งนี้จะเกี่ยวข้องกับความขัดแย้งคลิปเสียงลับในคดีของยิงรถ “บิ๊กโจ๊ก” พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล อดีตผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (อดีต ผบช.สตม.) หรือไม่ 

แต่การ “เปลี่ยนม้ากลางศึก” ก็ทำให้ทุกอย่างชะงักไป บางเรื่องต้องย้อนกลับมาเริ่มต้นใหม่ ส่วนจะดีกว่าเดิมหรือไม่ ต้องรอดูผลการทำงานหลังจากนี้

ส่วนเรื่องการติดตามตัวคนร้าย จนถึงตอนนี้ ก็ยังไร้วี่แวว ในทางการข่าวถือว่า“นิ่งมาก”สำหรับคดีใหญ่แบบนี้ สาเหตุหนึ่งที่อาจเป็นไปได้ก็คือ เมื่อนายตำรวจระดับสูงที่คุมคดีทั้งหมดเป็นเพื่อนร่วมรุ่นกัน ทำให้ข่าวไม่หลุด ประกอบกับคนร้ายที่ก่อเหตุอาจเป็น “คนมีสี” เกี่ยวข้องกับหน่วยงานราชการ จึงมีอุปสรรคในการเข้าจับกุมตัว!