หุ้น 'โรงไฟฟ้า' รับอานิสงส์ 2 เด้ง 'ค่าไฟจ่อขยับ-ฟันกำไรค่าเอพี' ดันราคาวิ่งยกแผง

หุ้น 'โรงไฟฟ้า' รับอานิสงส์ 2 เด้ง 'ค่าไฟจ่อขยับ-ฟันกำไรค่าเอพี' ดันราคาวิ่งยกแผง

หุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าปรับตัวคึกคัก รับอานิสงส์ 2 เด้ง จากต้นทุนเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้นหนุนราคาค่าไฟขยับ พร้อมจ่อฟันกำไรค่าเอพี ด้าน ‘กัลฟ์’ พุ่งแรงสุด ทำจุดสูงสุดรอบใหม่ โบรกฯ ประเมินยังมีอัพไซด์ต่อ พร้อมให้เป้า 200 บาท

ราคาหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าปรับขึ้นอย่างคึกคักตลอดช่วงการซื้อขายวานนี้(13ม.ค.)  นำโดยหุ้น บมจ.กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ (GULF) พุ่งแรงกว่า 9.32% มาอยู่ที่ระดับ 193.50 บาท หรือเพิ่มขึ้น 16.50 บาท มูลค่าการซื้อขาย 4,540 ล้านบาท รองลงมาคือบมจ.ราช กรุ๊ป (RATCH) เพิ่มขึ้น 4.20% มาอยู่ที่ระดับ 74.50 บาท หรือเพิ่มขึ้น 3.00 บาท มูลค่าการซื้อขาย 922 ล้านบาท บมจ.บี.กริม เพาเวอร์ (BGRIM) เพิ่มขึ้น 3.90% มาอยู่ที่ระดับ 60.00 บาท หรือเพิ่มขึ้น 2.25 บาท มูลค่าการซื้อขาย 1,442 ล้านบาท

บมจ.ผลิตไฟฟ้า (EGCO) เพิ่มขึ้น 3.00% มาอยู่ที่ระดับ 343.00 บาท มูลค่าการซื้อขาย 959 ล้านบาท บมจ.โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ (GPSC)เพิ่มขึ้น 2.13% มาอยู่ที่ระดับ 95.75 บาท มูลค่าการซื้อขาย 4,445 ล้านบาท บมจ.พลังงานบริสุทธิ์ (EA) เพิ่มขึ้น 1.27% มาอยู่ที่ 39.75 บาท มูลค่าการซื้อขาย 484 ล้านบาท และบมจ.บีซีพีจี (BCPG) เพิ่มขึ้น 1.18% มาอยู่ที่ระดับ 17.20 บาท มูลค่าการซื้อขาย 54.91 ล้านบาท

หุ้น  GULF ปรับตัวขึ้นโดดเด่น โดยปิดตลาดทำจุดสูงสุดที่ระดับ 193.50 บาท ถือเป็นสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์รอบใหม่นับตั้งแต่นำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯเมื่อช่วงเดือน ธ.ค.ปี 2560 โดยมีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (มาร์เก็ตแคป) เพิ่มขึ้นกว่า 35,199 ล้านบาท

นายวิกิจ ถิรวรรณรัตน์ ผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) บัวหลวง กล่าวว่า หุ้น GULF ที่เด้งแรงน่าจะเกิดจากปัจจัยหนุนที่ช่วยกระตุ้นการลงทุนในกลุ่มหุ้นโรงไฟฟ้า ขณะที่ GULF ก็ยังมีอัพไซด์ต่อประมาณการกำไรในระยะยาวและราคาเป้าหมายของเราอีกมาก หากรวมโครงการท่าเรือน้ำลึกและโรงไฟฟ้าพลังานก๊าซธรรมชาติ (LNG) ในประเทศเวียดนาม โดยยังคงแนะนำ “ซื้อ” ที่ราคาเป้าหมาย 200 บาท และเป็น Top pick สำหรับกลุ่มโรงไฟฟ้า

ทั้งนี้มองว่าว่าการปรับขึ้นของราคาหุ้นในกลุ่มโรงไฟฟ้ารอบนี้ไม่ต่างจากที่ประเมินไว้ โดยเชื่อว่าหุ้นโครงสร้างพื้นฐานอย่างโรงไฟฟ้ายังไงก็ต้องปรับตัวขึ้นต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา เพราะได้ปัจจัยหนุน 2 ต่อในปีนี้  ส่วนหนึ่งจะได้รับอานิสงส์จากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวขึ้นแรง ซึ่งส่งผลให้ต้นทุนด้านพลังงาน เช่น ราคาก๊าซธรรมชาติปรับตัวขึ้นตามไปด้วย และส่งผลให้โรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ (IPP) ที่ใช้เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติอย่าง GULF, EGCO และ RATCH ที่อาจต้องส่งผ่านเรื่องต้นทุนไปยังค่าไฟฟ้าให้ปรับตัวสูงขึ้นได้

ขณะที่ถัดมาคือส่วนกำไรจากสูตรการคำนวณค่าไฟฟ้าหรือที่เรียกว่าค่าความพร้อมจ่าย (AP) ซึ่งปกติโรงไฟฟ้าจะได้ค่า AP อยู่แล้ว หากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) มีการเรียกไฟจากโรงไฟฟ้าเอกชนก็จะส่งผ่านต้นทุนไปยังกฟผ.ด้วย

“คิดว่าช่วงต้นปีนี้น่าจะยังเป็นโอกาสทองของหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าอยู่ เนื่องจากปัจจัยที่ยังสนับสนุนและราคาที่ปรับตัวขึ้นแรงมาตั้งแต่ปีที่แล้วจนถึงต้นปีนี้ โดยมองว่ายังเป็นกลุ่มที่น่าลงทุนอยู่ พร้อมเลือกให้ GULF และ BGRIM เป็น Top pick ของกลุ่ม”

นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนหลักทรัพย์ บล. เคทีบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า การที่นักลงทุนหันมาซื้อหุ้นในกลุ่มโรงไฟฟ้า เนื่องจากภาวะตลาดหุ้นโดยรวมที่ยังมีความเสี่ยงอยู่และยังไม่มีกลุ่มหุ้นที่โดดเด่นเป็นพิเศษ จึงทำให้มีตัวเลือกในการลงทุนไม่มากนัก ประกอบกับโรงไฟฟ้าเป็นธุรกิจที่มีกำไรสม่ำเสมอและมีปัจจัยเฉพาะตัวจากโครงการใหม่ๆที่จะรับรู้เข้ามามากขึ้น จึงทำให้นักลงทุนหันมาลงทุนในหุ้นโรงไฟฟ้ากันจำนวนมาก

ส่วนกลยุทธ์การลงทุนแนะนำให้มีหุ้นโรงไฟฟ้ากลับมาในพอร์ต โดยหุ้นในกลุ่มที่ชอบคือ BGRIM,RATCH และ GULF ซึ่งแม้ราคาจะดูแพงแล้ว แต่มองว่ามีความปลอดภัยของธุรกิจและยังมีโครงการใหม่ๆเข้ามาอย่างต่อเนื่อง