'ช่อง3' เร่งเครื่องปั๊มรายได้ ออนไลน์-ต่างประเทศ โต 2 เท่า

'ช่อง3' เร่งเครื่องปั๊มรายได้ ออนไลน์-ต่างประเทศ โต 2 เท่า

ยังคงหาทาง “พลิกฟื้นธุรกิจ” ให้กลับมาแข็งแรงและเติบโตฝ่าดิสรัปชั่นในอนาคต ภารกิจสำคัญของ อริยะ พนมยงค์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท บีอีซี เวิลด์ จำกัด(มหาชน) 

ปีที่แล้วเขายกเครื่องฝ่ายข่าวหวังกลับมาสร้างรายได้อย่างมีนัยยะเหมือนในอดีต แต่ที่รุกหนักไม่แพ้กันคือ ออนไลน์-ต่างประเทศ” ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่กล่าวถึงบ่อยมาก อยากเผยกับสื่อมานานแต่ต้องอุบไว้ เพราะเจรจากับพันธมิตรไม่จบ

ล่าสุด ได้ฤกษ์เปิดตัวความร่วมมือกับ วีทีวี”(WeTV) ในเครือเทนเซ็นต์ เทคคัมปะนี (Tencent) เบอร์ 1 ของจีน และเป็นเบอร์ 4 ของโลก รองจากกูเกิล อเมซอน และเฟสบุ๊ค โดยช่อง 3 นำคอนเทนท์ละครไปเสิร์ฟบนแพลตฟอร์มวีทีวี ประเดิมตลาดประเทศไทย ก่อนจะขยายความร่วมมือต่อยอดยังตลาดอาเซียน ไต้หวัน และจีน ทั้งนี้ การเลือกละครไปนำเสนอบนแพลตฟอร์มดังกล่าว ตอกย้ำจุดแข็งของช่อง 3 ที่ละครเป็นที่นิยมของผู้ชมชาวจีน

การจับมือกับเทนเซ็นต์ โดยวีทีวี มีความหมายกับช่อง 3 อย่างมาก เพราะตอบโจทย์กลยุทธ์การขยายตลาดต่างประเทศและออนไลน์ ครอบคลุมคนดูไม่แค่ในเมืองไทย แต่รวมถึงจีนด้วย ขณะที่ตลาดไทยพฤติกรรมผู้บริโภครับชมวิดีโอออนไลน์ติดท็อป 6 ของโลก การผนึกพันพันธมิตรเทนเซ็นต์จึงไม่ธรรมดา พิเศษมาก อีกทั้งเทนเซ็นต์เป็นเทคคัมปะนีระดับโลก ผมได้เรียนรู้จากเขาเยอะมาก ดังนั้นเทนเซ็นต์และจีนเป็นยักษ์ใหญ่ที่เรามองข้ามไม่ได้

ทั้งนี้ เทนเซ็นต์จะเป็นจิ๊กซอว์สำคัญในการผลักดันรายได้ออนไลน์และต่างประเทศของช่อง 3 ให้เติบโต 2 เท่า และมีสัดส่วนรายได้แต่ละธุรกิจในอัตรา 2 หลักหรือ 10% ขึ้นไป เขาเชื่อมั่น ! 

เจฟฟ์ ฮาน รองประธานอาวุโส เทนเซนต์ เพนกวิน พิคเจอร์ กล่าวว่า เทนเซ็นต์วิดีโอ เปิดตัวมาเป็นเวลา 9 ปี โดยในประเทศจีนมียอดผู้ติดตามกว่า 100 ล้านราย มีผู้ชมกว่า 550 ล้านคนต่อเดือน และบริษัทมีนโยบายจะขยายตลาดอาเซียนให้เติบโตอย่างแข็งแรง และวางบทบาทไทยเป็นประเทศยุทธศาสตร์ที่สำคัญ อย่างไรก็ตาม บริษัทมีแผนจะเพิ่มการลงทุนเพื่อผลิตคอนเทนท์ทั้งซีรี่ส์ ละคร หนัง สารคดี วาไรตี้โชว์ฯ สร้างความแข็งแรงให้กับตลาดไทยและอาเซียน จะทำงานร่วมกับพันธมิตรเพื่อผลิตซีรี่ส์ โปรโมทคอนเทนท์ร่วมกัน

รณพงศ์ คำนวณทิพย์ หัวหน้าคณะผู้บริหารสายงานพาณิชย์ บริษัท บีอีซี เวิลด์ จำกัด(มหาชน) ฉายภาพช่อง 3 ว่า การขยายธุรกิจต่างประเทศเสิร์ฟคอนเทนท์จะเจาะทุกตลาดในเอเชีย เช่น จีน เกาหลี ญี่ปุ่น อินโดนีเซีย มาเลเซีย เป็นต้น โดยโมเดลธุรกิจมีทั้งออกอากาศคู่ขนาน(Simulcast) เทนเซ็นต์วิดีโอในประเทศจีน เป็นแห่งแรก และเลือกคอนเทนท์เป็นรายการหรือละครเป็นเรื่องๆ การเสิร์ฟคอนเทนท์ผ่านออนไลน์ เช่น เน็ตฟลิกซ์ วีทีวี ไลน์ทีวีฯ และจำหน่ายลิขสิทธิ์

ทั้งนี้ ละคร “ลิขิตรัก”(The Crown Princess)เป็นเรื่องแรกที่ออกอากศคู่ขนาน ทำเรทติ้ง 8.1 และยอดผู้ชม 280 ล้านวิว ปีนี้จะส่ง “ลิขิตรักข้ามดวงดาว” เสิร์ฟผู้ชมต่อ ขณะเดียวกันจะต่อยอดการสร้างรายได้ด้วยการผนึกพันธมิตรจัดกิจกรรมโปรโมทนักแสดงและละคร เตรียมจัดงานพบปะนักแสดง(แฟนมีทติ้ง) ตลอดจนอีเวนท์ต่างๆด้วย

“เราคัดละคร 200-300 เรื่อง หรือกว่า 5,000 ชั่วโมง ไปบุกตลาด และยังวางแผนร่วมมือกับเทนเซ็นต์เพื่อผลิตออริจินัลคอนเทนท์ป้อนคนดูด้วย ปัจจุบันช่อง 3 บุกตลาดเอเชียเกือบครบแล้ว จับมือกับแพลตฟอร์มออนไลน์กว่า 20-30 แพลตฟอร์ม โดยเป้าหมายเราต้องการให้รายได้ต่างประเทศมีสัดส่วนมากกว่า 10% จากปัจจุบันอยู่ที่ 5% โดยตลาดจีนหากประสบความสำเร็จจะเป็นจิ๊กซอว์สำคัญในการพลิกฟื้นรายได้ให้กับช่องด้วย”

ขณะที่ออนไลน์ ได้ฤกษ์ดิสรัปตัวเองด้วยการผสานเว็บไซต์ “Ch3thailand” กับแอพพลิเคชั่น “Mello” มาเป็น “CH3+”(ซีเอชสามพลัสซึ่งจะเปิดตัวเดือนก.พ.นี้

พฤติกรรมผู้บริโภคยุคนี้ต้องการให้มีแอพพลิเคชั่นบนมือถือให้น้อยที่สุด วรุตม์ ลีเรืองสกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท บีอีซีไอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ให้เหตุผลการปรับโฉมเว็บไซต์และแอ๊พพลิเคชั่น CH3+ ใหม่ 

การปรับยังทำให้ยุบทิ้งแอพ ครอบครัวข่าว3”(KrobKruaKao) ด้วย ซึ่งการรวมแอพทำให้มีฐานผู้ชมรวมกันกว่า 8 ล้านราย จากที่ผ่านมาผู้ชมแอ๊คทีพผ่าน Mello 3 ล้านราย และดูสดผ่าน Ch3Thailand กว่า 5 ล้านราย และยอดการรับชมคอนเทนท์ต่างๆทั้งปี 2562 รวมกว่า 10,000 ล้านวิว ปัจจุบันช่อง3 มีพันธมิตรแพลตฟอร์มออนไลน์ทั้งยูทูป ไลน์ทีวี โดยจะเสิร์ฟคอนเทนท์ให้ชมหลังออกอากาศทางทีวี 2 ชั่วโมง และวีทีวี เป็นพันธมิตรใหม่

“ช่อง 3 เป็นผู้นำด้านคอนเทนท์ละครอยู่แล้ว การขยายฐานผู้ชมไปในหลายแพลตฟอร์ม เพื่อสอดคล้องกับพฤติกรรมผู้ชมที่ต้องการเสพคอนเทนท์ทุกที่ทุกเวลาหรือ Any where, Any time ขณที่การร่วมมือกับวีทีวี จะเป็นการขยายฐานผู้ชมให้กว้างมากขึ้นอีก เพราะวีทีวีกำลังเติบโตในประเทศไทย จึงถือเป็นพันธมิตรที่สำคัญในการขยายตลาดไทยและต่างประเทศด้วย และผลักดันรายได้ออนไลน์ให้มีสัดส่วนมากกว่า 10% ตามเป้าหมาย”