ปม‘สหรัฐ-อิหร่าน’ กดดันตลาดเงิน

ปม‘สหรัฐ-อิหร่าน’  กดดันตลาดเงิน

สัปดาห์นี้  “เงินบาทอ่อนค่ามาก”ในช่วงกลางสัปดาห์ ก่อนค่อยๆปรับแข็งค่าขึ้นในปลายสัปดาห์ โดยประเด็นเรื่องความขัดแย้งสหรัฐฯกับอิหร่าน ส่งผลให้นักลงทุน “ลดความเสี่ยง” ในช่วงต้นถึงกลางสัปดาห์ก่อนคลายกังวล และกลับมาจับตาประเด็นด้านเศรษฐกิจมากขึ้น  

ในช่วง 1 สัปดาห์ข้างหน้า “ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย” คาดว่าเงินบาทจะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 30.00-30.40 บาทต่อดอลลาร์ สิ่งที่ต้องจับตามากขึ้นเป็นพิเศษ คือการเจรจาการค้าสหรัฐฯกับจีน จะมีการลงนามในข้อตกลงการค้าเฟสแรกในวันที่ 15 ม.ค.หรือไม่  รายละเอียดเป็นอย่างไร รวมทั้งประเด็นของการเจรจาการค้าในเฟสสอง นอกจากนี้ สถานการณ์ความตึงเครียดในตะวันออกกลาง ก็ยังต้องจับตาต่อเนื่องเช่น กันแม้ว่าจะมีความผ่อนคลายลงมาบ้างในปลายสัปดาห์นี้

ดัชนีตลาดหุ้นไทยวานนี้ ( 10 ม.ค.) ปิดการซื้อขายที่ 1,580.63 จุด เพิ่มขึ้น 0.99 จุด หรือ 0.06% มูลค่าการซื้อขาย 52,033.36 ล้านบาท  "บล.เอเซีย พลัส" ระบุว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยสัปดาห์หน้า ดัชนีฯ เคลื่อนไหวขึ้นลงจำกัด ประเด็นที่ต้องติดตามคือ ความคืบหน้าการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนเฟส 1  เบื้องต้นคาดว่าจะมีการเซ็นสัญญาในวันที่ 15 ม.ค.นี้   ติดตามตัวเลขเศรษฐกิจ ซึ่งในวันที่ 14 ม.ค. จะมีการรายงานเงินเฟ้อของสหรัฐเดือน ธ.ค.2563 คาดว่าจะอยู่ที่ 2.3% ถ้าออกมาแบบนี้เชื่อว่าธนาคารกลางสหรัฐหรือเฟดจะ “คงดอกเบี้ย” ไว้ตลอดทั้งปี ขณะที่วันศุกร์ที่ 17 ม.ค. ติดตามตัวเลขจีดีพีของจีนช่วงไตรมาส 4 ปี2562  คาดว่าจะเติบโต 6% ทั้งนี้ ให้กรอบดัชนีฯไว้ที่ระดับ 1,555-1,600 จุด

ด้านความเคลื่อนไหวของราคาทองคำอยู่ที่ 1,548.92 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ในขณะที่ราคาทองคำในประเทศอยู่ที่ 22,200 บาทต่อบาททองคำ  “วายแอลจี บูลเลี่ยนอินเตอร์เนชั่นแนล”  แนะนํา หากราคาทองคําขึ้นทดสอบแนวต้าน 1,552-1,567 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่ยังไม่สามารถผ่านได้ นักลงทุนอาจขายทองคําออกมาบางส่วน เพื่อลดขนาดของพอร์ตลงทุนลง เพราะหากราคาไม่สามารถผ่านไปได้ อาจเห็นการย่อตัวลง ประเมินแนวรับบริเวณ 1,540-1,528 ดอลลาร์ต่อออนซ์