เฟ้นหุ้นรับภัยแล้ง 'น้ำประปา-เนื้อสัตว์' ดาวเด่น

เฟ้นหุ้นรับภัยแล้ง 'น้ำประปา-เนื้อสัตว์' ดาวเด่น

สถานการณ์ภัยแล้งปีนี้มาเร็วกว่าทุกปี หลายพื้นที่ในเขตภาคอีสาน ภาคเหนือ และภาคกลาง เริ่มประสบกับภาวะวิกฤต

หลังปริมาณน้ำในเขื่อนหลักๆ ทั่วประเทศลดลงต่อเนื่อง ส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน ทำให้รัฐบาลประกาศยกระดับการแก้ปัญหาภัยแล้งขึ้นเป็น “วาระแห่งชาติ”

โดยมีการประเมินว่าปีนี้ประเทศไทยจะแล้งหนักที่สุดในรอบ 40 ปี ซึ่งเป็นผลกระทบต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา หลังเกิดปรากฏการณ์เอลนีโญ ทำให้ฝนตกน้อยกว่าค่าเฉลี่ยถึง 10% และฝนทิ้งช่วงนาน ส่งผลให้ไม่มีน้ำใหม่ลงไปเติมในเขื่อน

ข้อมูลจากสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ระบุว่า ปัจจุบันแหล่งน้ำต่างๆ ทั่วประเทศมีปริมาณน้ำรวมทั้งสิ้น 49,349 ล้านลูกบาศก์เมตร แต่เป็นปริมาณน้ำที่ใช้การได้เพียง 25,273 ล้านลูกบาศก์เมตร ขณะที่ 14 เขื่อนใหญ่ทั่วประเทศระดับน้ำอยู่ในภาวะวิกฤต หรือ มีปริมาณน้ำน้อยกว่า 30% ของความจุเขื่อน ซึ่งต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด

เช่น เขื่อนภูมิพล จังหวัดตาก เหลือน้ำใช้การได้ 18% ของความจุเขื่อน, เขื่อนสิริกิติ์ จังหวัดอุตรดิตถ์ เหลือน้ำ 29%, เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จังหวัดลพบุรี เหลือน้ำ 23% แต่ที่น่าห่วงเป็นพิเศษ คือ ในพื้นที่ภาคอีสาน ซึ่งน้ำในเขื่อนเหลือน้อยมาก

อย่างเขื่อนจุฬาภรณ์ จังหวัดชัยภูมิ ปัจจุบันเหลือน้ำในเขื่อนใช้การได้แค่ 6% ส่วนเขื่อนอุบลรัตน์ จังหวัดขอนแก่น ปริมาณน้ำล่าสุดไม่เพียงพอแล้ว ต้องนำน้ำก้นอ่างมาใช้ โดยกรมชลประทานได้ขอความร่วมมือชาวนาในพื้นที่ภาคอีสานตอนบนและตอนกลางงดปลูกข้าวนาปรัง เพื่อสำรองน้ำไว้ผลิตน้ำประปาและอุปโภคบริโภคเป็นหลัก

ขณะที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ได้ประกาศพื้นที่ประสบภัยพิบัติแล้ว 16 จังหวัด แบ่งเป็น ภาคเหนือ 4 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย น่าน เพชรบูรณ์ และอุตรดิตถ์ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 7 จังหวัด ได้แก่ นครพนม มหาสารคาม บึงกาฬ หนองคาย บุรีรัมย์ กาฬสินธุ์ และนครราชสีมา และภาคกลาง 5 จังหวัด ได้แก่ กาญจนบุรี ฉะเชิงเทรา อุทัยธานี ชัยนาท และนครสวรรค์

ในมุมการลงทุนก็สามารถหยิบยกธีมภัยแล้งขึ้นมาเลือกหุ้นเล่นเก็งกำไรได้เช่นกัน กลุ่มแรกที่น่าจะได้รับอานิสงส์มากที่สุด มองไปที่ผู้ผลิตน้ำประปา บริษัท จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก จำกัด (มหาชน) หรือ EASTW ผู้ผลิตน้ำดิบและน้ำประปารายใหญ่ในพื้นที่ภาคตะวันออก ซึ่งลูกค้าหลัก 80% อยู่ในภาคอุตสาหกรรม โดยเฉพาะในพื้นที่อีอีซี

คาดว่าเมื่อเข้าสู่ช่วงหน้าแล้งลูกค้าในนิคมอุตสาหกรรมหรือตามโรงงานต่างๆ จะหันมาซื้อน้ำจากบริษัทมากขึ้น เนื่องจากแหล่งน้ำของตัวเองมีปริมาณลดลง ประกอบกับปีนี้บริษัทได้มีการปรับขึ้นราคาขาย อย่างไรก็ตาม ในแง่การผลิตอาจได้รับผลกระทบเนื่องจากแหล่งน้ำดิบที่บริษัทนำมาใช้ผลิตน้ำประปามีปริมาณลดลง อย่างที่อ่างเก็บน้ำหนองปลาไหล จังหวัดระยอง ปัจจุบันมีน้ำใช้การได้เพียงแค่ 26% เท่านั้น

ด้านบริษัท ทีทีดับบลิว จำกัด (มหาชน) หรือ TTW เป็นเจ้าตลาดน้ำประปารายใหญ่ในพื้นที่ภาคกลาง ผลิตและจำหน่ายน้ำประปาให้กับการประปาส่วนภูมิภาคในจังหวัดสมุทรสาคร นครปฐม ปทุมธานี โดยแหล่งน้ำสำคัญมาจากแม่น้ำเจ้าพระยาและแม่น้ำท่าจีน ซึ่งระดับน้ำยังอยู่ในเกณฑ์ปกติ จึงไม่น่ากังวลเรื่องกระบวนการผลิต นอกจากนี้ บริษัทมีจุดเด่นเรื่องของการจ่ายเงินปันผล และยังรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากการถือหุ้นในบริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ CKP

อีกหนึ่งกลุ่มที่น่าสนใจ คือ หุ้นหมูหุ้นไก่ ซึ่งปัจจุบันราคาเนื้อหมู เนื้อไก่ ในประเทศยังทรงตัวในระดับสูง โดยเฉพาะเนื้อหมูที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องตั้งแต่ปีที่ผ่านมา หลังพบการระบาดของโรคอหิวาต์แอฟริกาในหลายประเทศ ทั้งจีน เวียดนาม สปป.ลาว ขณะที่ในประเทศไทยสถานการณ์ยังปกติ โดยบริษัทขนาดใหญ่ยิ่งได้เปรียบเพราะมีการบริหารจัดการที่ได้มาตรฐาน

ขณะที่ในฝั่งของกลุ่มผู้เลี้ยงรายย่อยอาจได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ภัยแล้ง สัตว์ที่เลี้ยงอาจล้มตายจากสภาพอากาศที่ร้อนจัดและปัญหาขาดแคลนน้ำ แต่เมื่อซัพพลายในตลาดหายไป จะหนุนให้ราคาขายปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น กลุ่มนี้มีบริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ CPF, บริษัท ไทยฟู้ดส์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TFG, บริษัท จีเอฟพีที จำกัด (มหาชน) หรือ GFPT