'ทีเอชเอ' แนะโรงแรมไทย ปรับกลยุทธ์รับโลกเปลี่ยน 

'ทีเอชเอ' แนะโรงแรมไทย ปรับกลยุทธ์รับโลกเปลี่ยน 

“ทีเอชเอ” แนะโรงแรมไทยเฟ้นกลยุทธ์ตั้งรับวิกฤติล่วงหน้า เร่งมิกซ์ลูกค้านักท่องเที่ยวทุกตลาดให้เหมาะสมพร้อมรับมือสถานการณ์โลกเปลี่ยน หลังความขัดแย้งระหว่าง “อิหร่าน-สหรัฐ” ปะทุ ผสมโรงปัญหาเศรษฐกิจชะลอเติบโต

นายสุจินต์ เจียรจิตเลิศ อุปนายกสมาคมโรงแรมไทย (ทีเอชเอ) กล่าวว่า แนวโน้มธุรกิจโรงแรมไทยปี 2563 จะโตในแนวราบ หมายถึงผู้ประกอบการโรงแรมต่างมุ่งรักษาฐานตลาดลูกค้าให้กว้างมากที่สุด และต้องใช้กลยุทธ์ผสมผสานตลาด (Mix Market) ให้สมดุลเพื่อตั้งรับกับวิกฤติต่างๆ ล่วงหน้า เพราะไม่รู้ว่าจะเกิดสถานการณ์อะไรขึ้นบ้างทั้งในเชิงเศรษฐกิจและความขัดแย้งระหว่างประเทศ ซึ่งล้วนมีผลต่อภาคท่องเที่ยวไทย

อย่างกรณีความขัดแย้งระหว่างอิหร่านกับสหรัฐได้กระทบต่อราคาน้ำมันโลกปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้สายการบินอาจต้องปรับค่าธรรมเนียมราคาน้ำมันสูงขึ้นตามไปด้วย เห็นผลกระทบชัดเจนกับลูกค้าตลาดระยะไกล (Long Haul) ธุรกิจโรงแรมจึงต้องปรับตัวรับลูกค้าตลาดระยะสั้น (Short Haul) จากเอเชียมากขึ้น

นอกจากนี้ ภาพรวมตลาดยังไม่สามารถหยุดกระแสการจองห้องพักโรงแรมผิดกฎหมายได้ ส่งผลให้โรงแรมถูกกฎหมายต้องเผชิญการแข่งขันรุนแรง โดยเฉพาะเรื่องราคาและอัตราเข้าพักที่ปรับขึ้นยากในสถานการณ์ท่องเที่ยวไทยไม่ได้เติบโตแบบหวือหวาเหมือนเมื่อก่อน

ขณะเดียวกัน ยังถูกดิสรัปจากโมเดลธุรกิจใหม่ๆ อย่างรุนแรง ทั้งแพลตฟอร์มของบริษัทท่องเที่ยวออนไลน์ (Online Travel Agent : OTA) ทำให้โรงแรมต้องปรับตัวรับกระแสการจองห้องพักแบบกระชั้นชิดหรือนาทีสุดท้าย (Last Minute) หลังนักท่องเที่ยวนิยมจองผ่าน OTA มากขึ้นต่อเนื่อง

รวมถึงโมเดลธุรกิจของ OYO Hotels and Homes (โอโย โฮเทลส์ แอนด์ โฮมส์) เครือข่ายธุรกิจโรงแรม บ้านพัก คอนโด และพื้นที่สำนักงาน ซึ่งเป็นบริษัทสัญชาติอินเดีย เพิ่งเปิดตัวบริการในไทยได้ราว 3 เดือน หรือเมื่อเดือน พ.ย.2562 ที่ผ่านมา เข้ามาทำการตลาดรับบริหารดูแลการขายของโรงแรมขนาดเล็กในไทย จนเริ่มได้รับความนิยมมากขึ้นจากผู้ประกอบการโรงแรม

ก่อนหน้านี้ รายงานข่าวจาก โอโย ประเทศไทย ระบุว่า ได้เปิดให้บริการในไทย หลังประสบความสำเร็จในการขึ้นเป็นผู้นำตลาดธุรกิจเครือโรงแรมในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทั้งในมาเลเซีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม ก่อนจะขยายธุรกิจมายังไทย โดยมีห้องพักกว่า 8,000 ห้อง จาก 250 โรงแรมใน 13 จังหวัด อาทิ กรุงเทพฯ, พัทยา, ภูเก็ต และ อ.หัวหิน ประจวบคีรีขันธ์ เจาะตลาดการท่องเที่ยวในราคาที่พักแบบเข้าถึงได้ง่าย