บล.ไทยพาณิชย์ ตั้งเป้าดัชนีฯปี63 แตะ1,750 จุด

บล.ไทยพาณิชย์ ตั้งเป้าดัชนีฯปี63 แตะ1,750 จุด

บล.ไทยพาณิชย์ มองเป้าดัชนีหุ้นไทยปี63 แตะ 1,700-1,750 จุด พร้อมลุ้นกำไรบจ.โต 20% รับแรงหนุนกลุ่มพลังงาน-ปิโตรฯ พร้อมให้น้ำหนักปัจจัยภัยแล้ง-ความตึงเครียดในตะวันออกกลาง-โรคระบาดในประเทศจีน ปัจจัยเสี่ยงมากสุดในช่วงครึ่งปีแรก

นายสุกิจ อุดมศิริกุล กรรมการผู้จัดการ สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ไทยพาณิชย์ จำกัด เปิดเผยว่าสำหรับมุมมองการลงทุนปี 2563 ประเมินว่าทิศทางดัชนี SET Index ปีนี้ไว้ที่ 1,700-1,750 จุด และมีแนวรับสำคัญอยู่ที่ 1,550 จุด จากปัจจัยพื้นฐานและเศรษฐกิจที่ปรับตัวดีขึ้น โดยยังคงคาดการณ์เศรษฐกิจปีนี้จะขยายตัวได้ (GDP) 2.8% อย่างไรก็ตามดัชนีดังกล่าวได้ปรับประมาณการลงจากปีก่อนที่คาดไว้ที่ 1,800 จุด จากสถานการณ์ความตึงเครียดในตะวันออกกลางที่เข้ามากดดันตลาดหุ้นไทยในระยะนี้

ทั้งนี้ตลาดหุ้นไทยในปี 63 น่าจะฟื้นตัวขึ้น โดยจะเห็นสัญญาณบวกที่ดีที่สุดในไตรมาส 1/63 จากเสถียรภาพทางเศรษฐกิจโลกดีขึ้น, การอัดฉีดสภาพคล่อง และเหตุการณ์ความเสี่ยงทั่วโลกที่ลดลง โดยเฉพาะการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนที่จะมีการลงนามข้อตกลงกันภายในเดือนม.ค.63 ซึ่งเป็นปัจจัยหลักที่จะทำให้ตลาดหุ้นไทยปนับตัวดีขึ้น ขณะที่สถานการณ์ความตึงเครียดในตะวันออกกลาง มองว่าเป็นความขัดแย้งระหว่างประเทศมากกว่า ซึ่งคงไม่ได้ถูกยกระดับให้เป็นความเสี่ยงการทำสงครามอย่างเต็มรูปแบบ แต่ก็ถือเป็นความเสี่ยงระดับโลก ซึ่งระดับความรุนแรงจะส่งผลรุนแรงเป็นระยะๆ ทำให้กดดันต่อตลาดหุ้นไปทั่วโลก

ขณะเดียวกันก็คาดกำไรต่อหุ้น (EPS) ของบริษัทจดทะเบียนไทยปีนี้จะอยู่ที่ 101 บาทต่อหุ้น ซึ่งเติบ 20% จากปี 2562 ที่คาดว่าจะอยู่ที่ 83 บาทต่อหุ้น โดยกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมีจะช่วยผลักดันให้กำไรของบริษัทจดทะเบียนปรับเพิ่มขึ้นได้เพราะเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มที่จะฟื้นตัว และระดับราคาน้ำมันที่ปรับเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม EPS ดังกล่าวก็ได้มีการปรับลงจากเดิมที่คาดอยู่ที่ 103 บาทต่อหุ้นตามปัจจัยพื้นฐาน

ส่วนกลยุทธ์การลงทุนแนะนำให้นักลงทุนคงสถานะการถือครองหุ้นปลอดภัยที่มีคุณภาพสูงสำหรับการลงทุนระยะยาว เนื่องจากอยู่ในช่วงปลายวัฏจักรเศรษฐกิจ ในขณะที่มองหาหุ้นวัฏจักรที่มีค่า beta สูงสำหรับพอร์ตซื้อขายระยะสั้น โดยกลยุทธ์การลงทุนในไตรมาส 1/2563 จึงมุ่งเน้นไปที่หุ้น global play ที่มีประเด็นกำไรฟื้นตัวควบคู่ไปกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกเป็นปัจจัยสนับสนุน และมี valuation ที่น่าสนใจ และความเป็นไปได้สูงที่จะมีการ re-rate หลังจากถูกลงโทษมากเกินไปในปี 2562 และเซอร์ไพร้ส์เชิงบวก และการปรับประมาณการกำไรเพิ่มขึ้น พร้อมกับประเด็นการเติบโตเฉพาะตัวในปี 2563

 

“ในช่วงครึ่งปีแรกเราให้น้ำหนักปัจจัยลบมากสุดคือ ภัยแล้ง รองลงมาคือความตึงเครียดในตะวันออกกลาง และโรคปอดอักเสบที่ระบาดในประเทศจีน ซึ่งถือเป็นความเสี่ยงที่จะกดดันต่อภาวะตลาดหุ้นไทยในช่วงหลังจากนี้ ส่วนสถานการณ์ความตึงเครียดในตะวันออกกลาง ยอมรับว่าส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทยในระยะนี้ โดยเฉพาะเรื่องของความกังวล ความเชื่อมั่น และเศรษฐกิจการค้าระหว่างประเทศ และราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งแน่นอนว่าจะทำให้เกิดราคาที่สูงกว่าค่าเฉลี่ย แต่คาดว่าจะไม่ปรับตัวขึ้นเกิน 75 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล จากซัพพลายที่มีมากขึ้นกว่าในอดีต”