รีบาวด์ตามปัจจัยภายนอก

รีบาวด์ตามปัจจัยภายนอก

นักลงทุนคลายความกังวลสถานการณ์ที่จะรุนแรงเพิ่มขึ้นในตะวันออกกลาง ซึ่งเป็นบวกต่อทิศทางการลงทุน

ตลาดหุ้นวานนี้

SET Index ทรุดตัวลงแรง -25.96 จุด (-1.64%) ปิดที่ระดับ 1,559 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 6.5 หมื่นล้านบาท ตามทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นทั่วโลกจากความกังวลสถานการณ์ในตะวันออกกลางที่ตรึงเครียดมากขึ้นหลังอิหร่านทำการตอบโต้สหรัฐด้วยการยิงโจมตีฐานทัพอากาศสหรัฐในอิรัก ส่งผลให้ภาวะตลาดเป็น Risk off และมีแรงขายในกลุ่ม PETRO , CONS , FIN และ CONMAT กดดันดัชนี ทั้งนี้นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 2,247 ล้านบาท แต่ขายสุทธิในตลาดพันธบัตร 9 ล้านบาท และพลิกกลับมา Net Short TFEX 29,501 สัญญา

แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้

เรามีมุมมองเป็นบวกคาด SET Index ปรับตัวขึ้นทดสอบ 1,575 – 1,580 จุดก่อนจะสลับอ่อนตัว ตอบรับคำแถลงเชิงบวกของปธน.ทรัมป์ว่าไม่มีทหารอเมริกันเสียชีวิตจากการโจมตีของอิหร่าน และจะตอบโต้อิหร่านด้วยการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจโดยไม่ได้ระบุถึงการใช้ปฏิบัติการทางทหาร ส่งผลให้นักลงทุนคลายความกังวลสถานการณ์ที่จะรุนแรงเพิ่มขึ้นในตะวันออกกลาง ส่งผลให้ราคาสินทรัพย์ปลอดภัย เช่น ทองคำปรับตัวลง และ US bond yield 10 ปีดีดตัวขึ้น ซึ่งเป็นบวกต่อทิศทางการลงทุน อย่างไรก็ตามราคาน้ำมันดิบที่ทรุดตัวลงแรงจากสถานการณ์ความตึงเครียดในตะวันออกกลางที่ลดลง รวมถึงสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐที่เพิ่มขึ้นซึ่งเป็นลบต่อกลุ่มพลังงานและจะเป็นถ่วงให้การรีบาวด์ของดัชนีสลับอ่อนตัวลง

กลยุทธ์การลงทุน: Selective Buy

  • กลุ่มอิเล็คฯ HANA และ KCE อานิสงส์สถานการณ์ตะวันออกกลางที่ผ่อนคลายและทิศทางเงินบาทที่อ่อนค่าลง
  • กลุ่มที่ได้อานิสงส์เชิงบวกหากงบประมาณจำปี 2563 ผ่านมติสภาฯวาระ 2 – 3  STEC, CK, SEAFCO, CPALL
  • กลุ่ม Defensive และงบ 2019F มีแนวโน้มเติบโต: GPSC, GULF, CPF, SAWAD, MTC, JMT, BTS, BEM, INTUCH, ADVANC และ DTAC

หุ้นแนะนำวันนี้

  • AP (ปิด 7.8 ซื้อ/เป้า IAA Consensus 8.7) คาดหวังแบงก์ชาติผ่อนคลายเกณฑ์ LTV ให้กับบ้านหลังที่ 2 ซึ่ง AP น่าจะได้ประโยชน์เป็นอันดับต้นๆของกลุ่มเพราะเน้นโครงการบ้านที่มีราคาขายในระดับต่ำถึงกลาง นอกจากนี้ AP ยังจ่ายปันผลสม่ำเสมอประมาณ 0.33 บาทให้ Dividend yield ประมาณ 4.4%
  • CPF (ปิด 28 ซื้อ/เป้า 33.5) คาดทิศทางผลกำไร 4Q19 และต่อเนื่องไปยัง 1Q20 จะยังดีต่อเนื่อง ตอบรับราคาหมูในประเทศฟื้นตัวขึ้นสู่ระดับ 73-74 บาท ต่อ ก.ก.เทียบจาก 55 บาทต่อ ก.ก.ในช่วง 2Q19-3Q19  เช่นเดียวกับราคาหมูเวียดนามที่ฟื้นตัวขึ้นกว่าเท่าตัวจากระดับ 33,000 ดองต่อ ก.ก. ขึ้นเป็น 80,000 ดองต่อก.ก. ในปัจจุบัน

บทวิเคราะห์วันนี้

LPN (ปิด 4.7 ซื้อ/เป้าใหม่ 4.8 เดิม 4.9), TOP (ปิด 67.25 ซื้อ/เป้า 79)

ประเด็นสำคัญวันนี้

  • (+) คลายกังวลภาวะสงครามหลัง ทรัมป์ แถลงไม่มีผู้เสียชีวิตจากการโจมตีของอิหร่าน และคาดว่าจะใช้การคว่ำบาตรเศรษฐกิจแทนการตอบโต้ทางทหาร: นักลงทุนคลายกังวลต่อสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลาง หลังเมื่อคืนที่ผ่านมา ปธน.โดนัล ทรัมป์ ออกมาแถลงด้วยท่าทีที่ผ่อนคลาย โดยระบุว่า ไม่มีพลเรือนหรือทหารอเมริกา ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต จากการโจมตีของอิหร่าน และปัจจุบันอิหร่านได้หยุดการโจมตีแล้ว ซึ่งขณะนี้สหรัฐอยู่ระหว่างพิจารณาตอบโต้ โดยคาดว่าจะใช้วิธีการคว่ำบาตรเศรษฐกิจแทนการใช้ยุทธวิธีทางทหาร สอดคล้องกับถ้อยแถลงของรัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่านซึ่งระบุว่า การโจมตีฐานทัพสหรัฐเป็นไปอย่างเหมาะสมและอิหร่านไม่ต้องการเพิ่มความขัดแย้งหรือทำสงคราม
  • (-) ราคาน้ำมันดิบร่วงหลุดระดับ 60 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล คลายกังวลภาวะสงครามคาดหนุนหุ้นที่ลดลงแรงฟื้นตัว ส่วน PTTEP อาจมีแรงขาย: ราคาน้ำมันดิบร่วงแรงกว่า 3 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล (-4.9%) ปิดที่ระดับ 59.6 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล จาก 1) คลายกังวลภาวะสงคราม และ 2) สต๊อกน้ำมันดิบสหรัฐเพิ่มขึ้น 1.2 ล้านบาร์เรลสวนทางกับที่ตลาดคาดว่าจะลดลง 3.7 ล้านบาร์เรล ปัจจัยนี้น่าจะกดดันให้เกิดแรงขายทำกำไรหุ้น PTTEP และ PTT ซึ่งเคยได้ประโยชน์ในช่วงก่อนหน้า ตรงกันข้ามการคลายกังวลกับภาวะสงครามจะผลักดันให้นักลงทุนเข้าซื้อหุ้นที่ลดลงแรงในช่วงก่อนหน้า นำโดยกลุ่มโรงกลั่น, ปิโตรฯ, ท่องเที่ยว, สนามบิน และอสังหาฯ
  • (+/-) กลับสู่พื้นฐาน พรุ่งนี้ติดตามประกาศตัวเลข Nonfarm payrolls และอัตราการว่างงานสหรัฐ ตอกย้ำความแข็งแกร่งในตลาดแรงงาน: พรุ่งนี้ติดตามสหรัฐจะประกาศตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร (Nonfarm payrolls) เดือน ธ.ค. Consensus คาดเพิ่มขึ้น 1.64 แสนตำแหน่ง แต่ลดลงจากเดือน พ.ย.ที่เพิ่มขึ้น 2.66 แสนตำแหน่ง ขณะที่อัตราการว่างงานยังทรงตัวที่ระดับ 3.5% เช่นเดิม รวมถึงติดตามรายงานอัตราค่าจ้างเฉลี่ยรายชั่วโมงเพื่อจับทิศทางอัตราเงินเฟ้อในอนาคต