'เรืองไกร' เสนอตัดงบ กห. ปม กม.บริหารกลาโหม ออกโดยมิชอบ

เมื่อเวลา 20.38 น. การประชุมสภาผู้แทนราษฎร วาระพิจารณาร่างพ.ร.บ.รายจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ​พ.ศ. 2563 ได้พิจารณาถึงมาตรา 8 ส่วนงบรายจ่ายกระทรวงกลาโหมและหน่วยงานในกำกับ ซึ่งกมธ.ฯ พิจารณาปรับลดงบประมาณ เหลือ 1.24 แสนล้านบาท จากเดิมที่เสนอขอ 1.25 แสนล้านบาท โดยมีกมธ.ที่สงวนความเห็น 26 คน และมีส.ส.ที่สงวนคำแปรญัตติ 95 คน ทั้งนี้ในการอภิปรายเนื้อหาขอให้ปรับลดงบประมาณในส่วนของงบประมาณเพื่อจัดซื้อยุทโธปกรณ์​ เช่น เรือดำน้ำ เนื่องจากตรวจสอบพบว่าสเปคของเรือดำน้ำนั้นไม่เหมาะกับพื้นที่ประเทศไทยที่มีความลึกน้ำอยู่ในระดับตื้นเขิน พร้อมกับสนับสนุนให้กองทัพหารือร่วมกันถึงยุทโธปกรณ์ที่ทันสมัย เช่น โดรน เป็นต้น รวมถึงปรับลดงบประมาณที่จัดสรรให้กับนายทหาร ที่พบว่ามีพลทหาร ถูกนำตัวไปรับใช้ตามบ้านนายพล ปีละ 2 หมื่นคน

ทั้งนี้ในการอภิปรายของนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ กมธ.เสียงข้างน้อย สงวนความเห็นปรับลดงบกระทรวงกลาโหมและหน่วยงานในกำกับลง 100 เปอร์เซ็นต์เนื่องจากมองว่าการเสนอขอจัดสรรงบประมาณ ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะการบริหารกระทรวงกลาโหม อยู่ภายใต้พ.ร.บ.จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม ที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ลงมติเห็นชอบกฎหมายทั้งนี้เสียงลงมติไม่ถึงกึ่งหนึ่งของสนช. ที่มีอยู่ทั้งหมด และเมื่อตัดงบลงทั้งก้อนแล้ว ให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ออกพระราชกำหนดแทน ขณะที่การบริหารราชการให้กลับไปใช้ พ.ร.บ.จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม พ.ศ.2503 แทน 

ขณะที่นายจุลพันธุ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ฐานะกมธ.เสียงข้างน้อย อภิปรายลดงบประมาณกระทรวงกลาโหม 15 เปอร์เซ็นต์ เนื่องจากเป็นหน่วยงานที่พบว่าใช้งบประมาณไม่ทันปีงบประมาณ และตามปกติหน่วยงานที่ใช้งบไม่ทันปี ต้องถูกปรับลดงบประมาณ แต่กระทรวงกลาโหมถือเป็นหน่วยงานพิเศษที่ไม่เคยถูกปรับลดงบประมาณ นอกจากนั้นเหตุผลที่ขอปรับลดงบ เพราะต้องการให้เหมาะสมกับการเติบโตของหน่วยงาน และเชื่อว่าหากนายดอน ปรมัติวินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ไม่พูดถึงเรื่องนอกประเทศที่แปลกอย่างกรณีสหรัฐอเมริกา กับอิหร่าน เชื่อว่ารอบประเทศไทยมีความปลอดภัย