สธ.เฝ้าระวัง“ปอดอักเสบอู่ฮั่น”ในไทยรายที่ 5

สธ.เฝ้าระวัง“ปอดอักเสบอู่ฮั่น”ในไทยรายที่ 5

สธ.เฝ้าระวัง“ปอดอักเสบอู่ฮั่น”ในไทยรายที่ 5 หญิงชาวจีนคัดกรองด่านสุวรรณภูมิ มีอาการไข้ นำส่งห้องแยกโรคสถาบันบำราศฯ พร้อมสอบสวนโรค พร้อมติดตามอาการผู้ร่วมไฟลท์ ส่วนผู้ป่วยเฝ้าระวังเดิม 4 ราย กลับบ้านได้ 2 ราย อีก2ราย รอผลแล็บยืนยันซ้ำ

         วันนี้ (8 ม.ค.) นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค (คร.) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงความคืบหน้าการเฝ้าระวังโรคปอดอักเสบจากเชื้อไวรัสที่ระบาดในเมืองอู่ฮั่น มณฑลเหอเป่ย ทางตอนกลางของจีนว่า เมื่อวันที่ 8 ม.ค.2563 ได้มีพบผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สงสัยต้องเฝ้าระวังรายที่ 5 โดย ได้รับรายงานว่า มีสายการบินจากอู่ฮั่นที่บินตรงมาลงยังท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เมื่อช่วงเที่ยงของวันที่ 8 ม.ค. ซึ่งด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศได้คัดกรองพบหญิงชาวจีนรายหนึ่งมีอาการไข้ เข้าเกณฑ์สอบสวนโรค จึงได้แยกออกมาเพื่อไม่ให้สัมผัสกับผู้อื่น และส่งมายังห้องแยกโรคที่สถาบันบำราศฯ เพื่อทำการรักษา สอบสวนโรค ซักถามประวัติหารายละเอียด และทยอยเก็บสิ่งส่งตรวจทางแล็บ ซึ่งต้องรอผลการสอบสวนโรคอีกครั้งหนึ่ง
           “ผู้ที่เดินทางมาไฟลท์เดียวกัน โดยเฉพาะผู้ที่นั่งอยู่ด้านข้าง ด้านหน้า และด้านหลังของผู้ป่วยรายนี้ ก็จะมีการติดตามว่ามีอาการไข้หรือไม่ อย่างไรก็ตาม จริงๆ แล้วไม่ใช่แค่ผู้ที่นั่งใกล้ชิด แต่เรามีการให้คำแนะนำแก่ผู้โดยสารทั้งหมดว่าหากมาอยู่ในประเทศไทยแล้วเกิดมีอาการไข้ให้รีบติดต่อเข้ามา ซึ่งในการเฝ้าระวังนั้นจะยึดตามระยะเวลาการฟักตัวของโรคนานที่สุด คือ 14 วัน หากภายใน 14 วันนี้ไม่มีไข้ ก็ถือว่าไม่มีการติดเชื้อใดๆ”นพ.สุวรรณชัยกล่าว
            นพ.สุวรรณชัย กล่าวอีกว่า สำหรับผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สงสัยต้องเฝ้าระวังก่อนหน้านี้ 4 ราย ขณะนี้ให้กลับบ้านได้แล้ว 2 รายเพราะชัดเจนว่าไม่ได้เป็นเชื้อไวรัสที่เกี่ยวข้องกับการระบาดที่อู่ฮั่น โดยเป็นรายของ ด.ช.ชาวจีนชัดเจนแล้วว่ามาจากไข้หวัดใหญ่ อาการดีขึ้น ไม่มีไข้ให้กลับบ้านไปแล้ว และรายที่เป็นนักศึกษาหญิงไทย ผลตรวจแล็บครั้งที่สองออกมาว่า เป็นไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ C อาการดีขึ้น ไม่มีไข้ จึงให้ผู้ป่วยกลับบ้านในช่วงสายของวันที่ 8 ม.ค. ส่วนรายที่ 3 เป็นนักศึกษาหญิงไทยเช่นกัน ผลตรวจแล็บทั้ง 2 ครั้ง พบว่าเกิดจากเชื้อแบคทีเรีย ได้ให้ยาปฏิชีวนะ อาการก็ดีขึ้นตามลำดับ แต่ต้องรอให้สบายดีและไข้ลดลงก่อน คาดว่าภายในวันที่ 9 ม.ค.สามารถกลับบ้านได้ ส่วนรายที่ 4 ที่รักษาตัวอยู่ที่ รพ.เอกชน ทางรพ.เอกชนได้รายงานมาว่า ผู้ป่วยมีอาการดีขึ้น อย่างไรก็ตาม ยังต้องรอผลตรวจแล็บที่ครบถ้วนรอบด้านอีกครั้งหนึ่ง