'บิ๊กตู่' ลั่น 'ทหาร' ไม่ใช่ใครเป็นก็ได้ถามกล้ารบฝ่าดงกระสุนหรือไม่ โว ผ่านมาแล้ว

'บิ๊กตู่' ลั่น 'ทหาร' ไม่ใช่ใครเป็นก็ได้ถามกล้ารบฝ่าดงกระสุนหรือไม่ โว ผ่านมาแล้ว

"ประยุทธ์" ฮัมเพลง แม่พิมพ์ของชาติ รับวันครู เตือนท่องแต่ตำรา ทำงานลำบาก ลั่นทหาร ไม่ใช่ใครเป็นก็ได้ ถามกล้ารบฝ่าดงกระสุนหรือไม่ โวผ่านมาแล้ว เจอเด็กส่ายหน้า ไม่อยากเป็น นายกฯ กลัวงานเยอะ

เมื่อวันที่ 7 ม.ค. 63 ที่ทำเนียบรัฐบาล โดยก่อนการประชุม ครม. นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง พร้อม นายสืบศักดิ์ เอี่ยมวิจารณ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ และคณะผู้บริหารจังหวัดเข้าพบนายกรัฐมนตรี เพื่อประชาสัมพันธ์งานมะขามหวาน นครบาลเพชรบูรณ์ ประจำปี พ.ศ. 2563 โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ทุกภาคส่วนมาช่วยกันแต่ต้นทางสำคัญคือเกษตรกร ต้องยอมรับว่ามันเปลี่ยนแปลงทั้งการตลาด การแข่งขันที่มากขึ้น จึงต้องพัฒนาสินค้าขึ้นมาใหม่ ซึ่งผลิตภัณฑ์จากมะขามหวานตนชิมทุกอย่างและอร่อยทุกอัน ทั้งนี้ หนูน้อยออเจ้า ที่ร่วมประชาสัมพันธ์ กล่าวข้อความที่เขียนในป้ายที่ถือกับนายกรัฐมนตรี ว่ามะขามหวานคู่เมืองเพชรบูรณ์ ประเทศสงบสุขสมบูรณ์ เพราะลุงตู่

จากนั้นนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า “สิ่งสำคัญตอนนี้ทุกคนต้องมีความสุข ประเทศสงบก็จะเกิดความสุขขึ้น รัฐบาลจะทำอะไรก็ต้องร่วมมือกัน ถ้า 2 อย่างนี้ไม่เกิดขึ้น การจะไปสู่ความสมบูรณ์อย่างไรก็ไปไม่ได้เชื่อตนสิ วันนี้เรื่องภายนอก เราไม่ได้ขัดแย้งอะไรกับใครเลย หลายประเทศมีปัญหาแต่เราไม่มีปัญหา เหลือแต่เพียงภายในของเรา ถ้าเราทำภายในของเราได้ เราก็จะเข้มแข็งด้วยตัวของเราเอง เราต้องใช้โอกาสที่เป็นวิกฤติให้ได้ด้วยสติปัญญาของเรามากกว่าจะขัดแย้ง ทะเลาะเบาะแว้งกัน”

นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า สิ่งที่ทำวันนี้เป็นการเปลี่ยนแปลงประเทศไปสู่เศรษฐกิจยุค 4.0 ซึ่งต้องใช้สินค้า วัตถุดิบ อัตลักษณ์และวัฒนธรรมมาเดินหน้า สร้างการรับรู้ด้วยเทคโนโลยีต่าง ๆ นั้นคือประเทศไทยในรุ่นเรา อย่าไปรอรุ่นหน้าทำเลย แม้จะยังทำไม่จบก็ต้องทำต่อให้ดีขึ้น เรียกว่าไปสู่ Best of The Best หรือที่สุดของที่สุด ดังนั้น จึงต้องเข้าใจกัน ไม่เช่นนั้นก็ยาก ไม่สำเร็จสักอย่างก็จะมีปัญหา

จากนั้น นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นำคณะผู้บริหาร นักเรียน นักศึกษา และศิลปินดารา เข้าพบนายกรัฐมนตรี เพื่อมอบดอกกล้วยไม้ ประจำวันครู โดยวันครูประจำปี 2563 ที่ตรงกับวันที่ 16 ม.ค. นายกรัฐมนตรีจะไปเป็นประธานเปิดงาน โดยในงานครูของนายกรัฐมนตรีจะมาร่วมงานด้วย

จากนั้น นายกรกันต์ สุทธิโกเศศ ศิลปินนักร้องได้ติดดอกกล้วยไม้พร้อมมอบของที่ระลึกซึ่งเป็นซีดีเพลงวันครูรวมอยู่ด้วยให้กับนายกรัฐมนตรี โดยนายกรัฐมนตรี ได้ถามว่ามีเพลงเก่าๆ และเพลงใหม่ๆ ใช่หรือไม่ ตนชอบเพลงเก่า เพลงใหม่ก็ชอบ ตนชอบทั้งคู่ ก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะร้องเพลงแม่พิมพ์ของชาติ ของศินปิน วงจันทร์ ไพโรจน์ พร้อมกล่าวว่า แม่ตนก็เป็นครู ภรรยาตนก็เป็นครู จึงต้องปฏิบัติในระเบียบวินัย เพราะครูคนแรกของเด็กคือพ่อแม่ ครูคนที่สองก็คือที่โรงเรียน ถ้าครูทุกคนรักลูกศิษย์ มีการพัฒนาการเรียนรู้ร่วมกัน นำไปสู่การคิดวิเคราะห์ คิดเป็นกระบวนการให้ได้ ท่องตำราอย่างเดียวบางทีทำงานลำบาก ในวันหน้าเวลาไปทำงานคิดไม่ออกไม่ก็ไม่พัฒนาตัวเอง คนที่เป็นผู้บังคับบัญชาเขามีแต่ให้แนวทางปฏิบัติ เราก็ทำตาม จึงต้องมีความคิด วันหน้าเราต้องโตเป็นผู้ใหญ่เหมือนกัน ไม่ใช่ต้องเป็นลูกจ้างตลอดไป

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การปฏิรูปการศึกษาไม่ใช่เฉพาะในระบบอย่างเดียว เราต้องพัฒนาการเรียนรู้ตลอดชีวิต เหมือนในค่ายทหาร ตนได้ตั้งศูนย์การศึกษานอกโรงเรียน ถ้ามีเวลาก็ให้ทหารอ่านหนังสือ ท่องตำราตอนกลางคืนก่อนนอน แล้วไปสอบก็ยกระดับวุฒิการศึกษาขึ้นมา อะไรที่ดีๆ ก็ให้กำลังซึ่งกันและกัน ไม่เช่นนั้นก็แย่ไปหมด ไม่มีกำลังใจจะทำอะไรให้ จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้สอบถามเด็กนักเรียนแต่ละคนว่าโตขึ้นอยากเป็นอะไร ซึ่งมีเด็กนักเรียนคนหนึ่งอยากเป็นทหาร นายกรัฐมนตรี จึงกล่าวว่า ให้ออกกำลังกาย ให้เข้มแข็งมีกล้ามเนื้อ วิดพื้น ดึงข้อ ปีนต้นไม้ จะได้กล้าหาญ เป็นทหารไม่ได้สักแต่ว่าจะเป็นหรือใครก็เป็นได้ ถามว่าเป็นทหารแล้วไปรบท่ามกลางกระสุนปืนเล็ก กระสุนปืนใหญ่ ตนเจอมาแล้ว ถึงเวลานั้นก็จะรู้ว่า มันจะเป็นทหารใช่หรือไม่ใช่ กล้าไปหรือเปล่า ก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะถอนหายใจ พร้อมหันไปถามเด็กนักเรียนอีกคนว่า ไม่อยากเป็นนายกรัฐมนตรีบ้างหรือ ซึ่งเด็กนักเรียนบอกว่า ไม่ครับ เพราะงานเยอะ โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตอบเข้าท่าดี แต่ก็ต้องสู้งาน นายกรัฐมนตรีไม่เคยท้อแท้หรอก งานยิ่งเยอะยิ่งต้องทำ ทำเพื่อคนอื่น อะไรก็ได้ที่ทำเพื่อคนอื่น แล้วเดี๋ยวตัวเองได้เอง ได้ความภาคภูมิใจ ความสุขแค่นั้นเอง ตนไม่ต้องการอย่างอื่นคิดแค่นี้ เพราะไม่มีอะไรได้มาเปล่าๆ ถ้าได้มาเปล่าๆ ก็เหมือนกับการยื่นยาพิษให้กับพวกเรา ซึ่งไม่ถูกต้อง จะต้องออกแรงใช้ความคิดจึงจะได้สตางค์

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวในตอนท้ายว่า เปลี่ยนตัวตนบ้าง ปีใหม่แล้ว ทุกคนก็รู้ว่าอะไรดี อะไรไม่ดี อะไรถูกไม่ถูก อะไรทำเพื่อส่วนรวม อะไรทำเพื่อส่วนตัวแยกให้ออก ถ้าแยกกันไม่ออกก็จะมั่วกันอยู่แบบนี้