พปชร.ย้ำ! หยุดยั่วยุก่อกวน ชี้จัด 'วิ่งไล่ลุง' การเงินไม่โปร่งใส-แอบแฝงผลประโยชน์

พปชร.ย้ำ! หยุดยั่วยุก่อกวน ชี้จัด 'วิ่งไล่ลุง' การเงินไม่โปร่งใส-แอบแฝงผลประโยชน์

"ทิพานัน" รองโฆษก พปชร. ย้ำหยุดยั่วยุก่อกวน ผู้จัดงานหมดความชอบธรรมจัด "วิ่งไล่ลุง" กิจกรรมการเงินไม่โปร่งใส แอบแฝงประโยชน์ส่วนตัว แนะประชาชนทบทวนก่อนวิ่ง หวั่นถูกบางกลุ่มหลอกใช้เป็นเครื่องมือ

น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ หรือ “อ้น” รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ และอดีตผู้สมัคร ส.ส.กทม. เขตจอมทอง-ธนบุรี กล่าวถึงกรณีที่ผู้แทนจัดกิจกรรมวิ่งไล่ลุง อ้างข้อเรียกร้อง 3 ข้อ ให้แก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ แก้รัฐธรรมนูญและหยุดใช้อำนาจเพื่อพวกพ้องว่า ข้อเรียกร้องต่างๆ ของผู้จัดงานเป็นข้อเรียกร้องที่หมดความชอบธรรม เพราะผู้จัดงานเองต่างหากที่ประพฤติตัวในแบบที่ตนเองเรียกร้องจากผู้อื่น คือการใช้อำนาจพวกพ้องพรรคอนาคตใหม่ เพื่อประโยชน์ตนเองในการจัดงาน หากยังยืนยันที่จะจัดงานต่อไป ต้องเปลี่ยนชื่องานให้ถูกต้องเป็น “วิ่งไล่ตัวเอง” อีกทั้งยังจัดกิจกรรมก่อกวนความสงบ ยั่วยุให้เกิดความวุ่นวาย และยังน่าสงสัยว่าเป็นการหารายได้อย่างไม่โปร่งใสจากอุดมการณ์ประชาธิปไตยของผู้อื่น ไม่ชัดเจนว่าวิ่งเพื่ิอใคร ผู้ที่จะเข้าร่วมควรทบทวนอีกครั้งว่างานนี้ใครได้ประโยชน์ไปมากที่สุด

น.ส.ทิพานัน กล่าวถึง เหตุผลประการแรกที่ผู้จัดงานหมดความชอบธรรมในการจัดงานคือผู้จัดงานไม่มีความชัดเจนว่าจัดงานเพื่อการกุศล ผู้จัดกล่าวอ้างว่ารัฐขัดขวางการจัดงานนั้น เป็นการกล่าวอ้างที่บิดเบือน สาเหตุที่ไม่สามารถจัดงานบริเวณเกาะรัตนโกสินทร์ เป็นเพราะผู้จัดขออนุญาตผิดหลักเกณฑ์ โดยเฉพาะประเด็นที่วัตถุประสงค์ในการจัดกิจกรรมไม่ชัดเจน อาจเป็นไปในทางการค้า ธุรกิจ หรือหาผลประโยชน์เพื่อบุคคลหรือกลุ่มบุคคลใดเป็นการเฉพาะ เพราะผู้จัดไม่ระบุว่ารายได้จะบริจาคให้องค์กรมูลนิธิใด หนำซ้ำผู้จัดยังระบุว่าจะกันเงินส่วนหนึ่งเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดงานครั้งต่อไป ซึ่งอาจเป็นไปได้ว่า เช่น ใน 100 บาทจะแบ่งบริจาคมูลนิธิ 1 บาท แล้วเก็บ 99 บาทไว้โดยอ้างว่าเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดงานครั้งต่อไปซึ่งก็ไม่รู้ว่าเป็นงานอะไร เพื่อใคร จัดเมื่อใด เพราะขณะนี้ประชาชนวิจารณ์มาว่าผู้จัดงานอาจมีรายได้ถึง 6,000,000 บาทเข้าบัญชีตนเองจากการจัดงานครั้งนี้ที่เก็บเงินผู้ลงทะเบียน 10,000 คน คนละ 600 บาท แต่ระบบการจัดการยังคลุมเครือ บางคนโอนเงินแต่ไม่มีในรายชื่อ การตรวจสอบรายชื่อทำได้ลำบากต้องสอบถามทางข้อความอินบ็อกและใช้เวลาหลายวันกว่าจะได้รับคำตอบ แจ้งว่าไม่จ่ายเงินก็ไปวิ่งได้แต่ในเพจกลับบอกว่าผู้ที่ไม่จ่ายเงินมีสิทธิ์แค่ยืนเชียร์ในพื้นที่จำกัดที่เตรียมไว้ ดังนั้นจึงทำให้สังคมสงสัยความโปร่งใสทางการเงินของการจัดงานครั้งนี้อย่างมาก

“งานวิ่งนี้ ไม่ใช่งานวิ่งเพื่อสุขภาพตามที่ผู้จัดกล่าวอ้าง แม้จะมีกิจกรรมวิ่งมาเกี่ยวข้องแต่ก็ดูเป็นประเด็นรอง ใกล้วันงานแล้วรายละเอียดงานก็ยังไม่ชัดเจน กลับเอาเวลาไปทำกิจกรรมยั่วยุก่อกวนที่เกี่ยวกับการเมืองโดยไม่คำนึงถึงกาลเทศะและความเป็นเพื่อนมนุษย์ งานวิ่งของคน 10,000 คน จะถึงภายใน 5 วันนี้ยังเพิ่งประกาศรับสมัครอาสาสมัครทำงานและจนขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจนเรื่องระยะทางวิ่ง เส้นทางวิ่ง ระบบความปลอดภัย จุดน้ำดื่มและอาหาร ห้องน้ำ ที่จอดรถ รายชื่อผู้ลงทะเบียนสำเร็จ ฯลฯ ความไม่ชัดเจนนี้จึงทำให้เห็นว่าผู้จัดไม่ได้มุ่งเพื่อกีฬาและสุขภาพของผู้เข้าร่วมงานเป็นหลัก เมื่อพิจารณาถึงปัจจัยต่างๆ งานนี้จึงน่าจะเข้าข่ายเป็นกิจกรรมเพื่อวัตถุประสงค์ทางการเมือง ซึ่งอาจต้องดำเนินการให้ถูกต้องตาม พรบ. การชุมนุมสาธารณะ 2558 เพื่อรับผิดชอบต่อผู้มาร่วมงาน และควรเปิดเผยรายละเอียดรายรับ-รายจ่ายให้ชัดเจน เพราะในขณะนี้ในสังคมออนไลน์วิพากษ์วิจารณ์ว่าผู้จัดงานหารายได้จากอุดมการณ์ประชาธิปไตยของผู้อื่น นำเงินไปใช้ในการทำคลิปประชาสัมพันธ์เพื่อเอื้อประโยชน์พวกพ้อง” น.ส.ทิพานัน กล่าว

อ่านข่าว-เบรก 'วิ่งไล่ลุง-เดินเชียร์ลุง' ชี้ 60 ล้านคนเสียประโยชน์

“ผู้จัดงานอ้างว่าคนอื่นใช้อำนาจเพื่อพวกพ้องและเรียกร้องให้หยุดทำ แต่ผู้จัดกลับทำสิ่งนั้นเสียเอง ข้อเรียกร้องนั้นจึงปราศจากความชอบธรรมโดยสิ้นเชิง เพราะประชาชนเห็นว่าผู้จัดงานคือตัวนายธนวัฒน์และนายทัตเทพที่เป็นสมาชิกพรรคอนาคตใหม่เองได้ใช้อำนาจพวกพ้องเอื้อประโยชน์ให้ตนเอง โดยใช้อำนาจกมธ. การกฎหมายฯ ที่มี ส.ส. จากพรรคอนาคตใหม่มาดำเนินการเอื้อประโยชน์ เพราะ กมธ. ชุดดังกล่าวมีทั้งนายปิยบุตร แสงกนกกุล เป็นประธาน น.ส.พรรณิการ์ วานิช เป็นรองประธาน และนายรังสิมันต์ โรมเป็นโฆษก และกมธ. ชุดนี้อาจเข้าข่ายดำเนินการสองมาตรฐานใช้อำนาจเอื้อต่องานนี้ โดยที่น.ส.พรรณิการ์ ในฐานะรองประธาน กมธ. รับเรื่องร้องเรียนการจัดงานวันที่ 11 ธ.ค. 62 และใช้เวลา 1 วันออกหนังสือดำเนินการแก้ไขข้อร้องเรียนทันที และเมื่อ 5 ม.ค. 63 น.ส.พรรณิการ์ก็ได้ลงทะเบียนร่วมงานพร้อมทวิตเตอร์เชิญชวนเข้าร่วมงานวิ่งดังกล่าว แม้แกนนำพรรคอนาคตใหม่หลายคนจะออกมาปฏิเสธว่าไม่เกี่ยวข้องแต่ในความจริงการกระทำที่สังคมเห็นกลับสวนทาง ทำเหมือนปากว่าตาขยิบ ปากบอกไม่เกี่ยวข้องแต่การกระทำเป็นเสมือนเจ้าของงานเอง”

สำหรับข้อเรียกร้องที่ผู้จัดงานต้องการให้รัฐแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจนั้น น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า ขณะนี้ประเทศชาติอยู่ในภาวะที่สงบแล้วและรัฐได้เร่งดำเนินการพัฒนาเศรษฐกิจให้ดีขึ้นโดยมุ่งวางฐานรากที่เข้มแข็ง การจัดงานนี้กลับจะทำให้เศรษฐกิจที่กำลังเดินหน้าชะงักลงเพราะหากมีภาพความวุ่นวายที่สื่อออกไปว่าประเทศไทยไม่มีความสงบ ภาพลบนั้นก็จะส่งผลต่อการพัฒนาเศรษฐกิจซึ่งเป็นความรับผิดชอบโดยตรงของผู้จัดงานที่ทำให้เกิดภาพลักษณ์ด้านลบนี้ ผู้จัดงานจึงเป็นผู้ที่ถ่วงความเจริญของประเทศอย่างแท้จริง

ส่วนกรณีที่การจัดงานวิ่งครั้งนี้เพราะต้องการให้แก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า ปัจจุบันการแก้ไขรัฐธรรมนูญอยู่ในขั้นตอนที่ กมธ. ศึกษาแก้ไขรัฐธรรมนูญกำลังดำเนินการแล้ว ดังนั้นจึงไม่มีความจำเป็นที่จะอ้างเหตุผลข้อนี้ และรัฐก็ได้ดำเนินการตามรัฐธรรมนูญคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของประชาชนอย่างเต็มที่ ดังนั้นข้อเรียกร้องที่ให้ผู้มีอำนาจเคารพสิทธิและเสรีภาพของประชาชนจึงไร้น้ำหนัก หมดความชอบธรรม

รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า นอกจากจะเห็นได้ชัดว่าผู้จัดงานหมดสิ้นความชอบธรรมในการจัดงานนี้แล้ว ผู้ที่จะเข้าร่วมควรพิจารณาให้ถ่องแท้ก่อนเข้าร่วมกิจกรรมว่างานนี้เป็นเรื่องกีฬาเพื่อสุขภาพหรือผู้จัดต้องการก่อกวน ยั่วยุให้เกิดความวุ่นวายโดยเอาการวิ่งมาบังหน้า เพราะในขณะนี้ประเทศชาติกำลังอยู่ในภาวะที่สงบ เศรษฐกิจกำลังพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้น หากมีภาพความวุ่นวายอาจมีผลต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ อีกทั้งจะหาผู้รับผิดชอบไม่ได้เพราะการจัดงานครั้งนี้ที่ไม่มีความโปร่งใสหลายอย่างทั้งตัวผู้จัดงานที่แท้จริง วัตถุประสงค์ของงาน การเงินและรายรับ-รายจ่าย ดังนั้นงานนี้ที่ไม่แน่ชัดว่าวิ่งเพื่อใคร วิ่งเพื่อพรรคการเมืองใด ผู้เข้าร่วมอาจถูกใช้เป็นเครื่องมือเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวของคนอื่นได้