'รมว.สธ.' ลุยตรวจสุวรรณภูมิ รับมือ 'ไวรัสปอดอักเสบ'

'รมว.สธ.' ลุยตรวจสุวรรณภูมิ รับมือ 'ไวรัสปอดอักเสบ'

"รมว.สธ." ตรวจเยี่ยมความพร้อมด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ กำชับเฝ้าระวัง คัดกรอง ผู้เดินทางจากพื้นที่เสี่ยงโรคติดต่อระบบทางเดินหายใจ หากสงสัยส่งเข้าระบบควบคุมป้องกันโรคทันที

เมื่อวันที่ 5 ม.ค.63 ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จังหวัดสมุทรปราการ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นายแพทย์สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค และคณะ ตรวจเยี่ยมความพร้อมด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ พร้อมเยี่ยมชมขั้นตอนการดำเนินงานคัดกรองผู้เดินทางจากพื้นที่เสี่ยง หลังมีรายงานพบผู้ป่วยโรคปอดอักเสบจากเชื้อไวรัสในประเทศจีน โดยมอบให้กรมควบคุมโรค เฝ้าระวัง คัดกรองผู้เดินทางจากพื้นที่เสี่ยง ทั้งด่านบก ด่านเรือและด่านอากาศ หากพบผู้มีอาการเข้าข่ายสงสัย ให้ส่งเข้าระบบควบคุมป้องกันโรคทันที

นายอนุทินกล่าวว่า ที่ด่านควบคุมโรค ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ได้ติดตั้งเครื่องวัดไข้อัตโนมัติระบบอินฟราเรด (Infrared Thermo Scan) 4 จุด พร้อมเจ้าหน้าที่ทำงาน 24 ชั่วโมง ผู้โดยสารทุกคนจะต้องผ่านการตรวจคัดกรองด้วยเครื่องตรวจอุณหภูมิอัตโนมัติ หากพบมีไข้จะแยกผู้โดยสารตรงประตูทางเข้า ให้สวมหน้ากากอนามัย และพาไปตรวจซ้ำที่ห้องรอส่งต่อ หากพบว่ามีไข้และมีประวัติมาจากพื้นที่เสี่ยงจะโทรแจ้งกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ให้ส่งรถพยาบาลมารับไปยังโรงพยาบาลที่มีห้องแยกโรคมาตรฐาน ทั้งหมดนี้เป็นขั้นตอนปกติที่สนามบินดำเนินการ โดยจะไม่ปะปนกับผู้โดยสารอื่น  โดยที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ มีเที่ยวบินจากพื้นที่เสี่ยงวันละ 3 เที่ยวบิน มีผู้โดยสารประมาณ 500 คนต่อวัน  นอกจากนี้ ยังได้มีการเฝ้าระวังคัดกรองผู้โดยสาร ที่ท่าอากาศยานดอนเมือง เชียงใหม่ และภูเก็ตอีกด้วย

157824089430

สำหรับประเทศไทย ได้ประกาศให้โรคซาร์ส (Severe Acute Respiratory Syndrome: SARS) หรือโรคทางระบบทางเดินหายใจเฉียบพลันร้ายแรง เป็นโรคติดต่ออันตราย ตามพรบ.โรคติดต่อ พ.ศ. 2558 มีสาเหตุจากเชื้อไวรัสในตระกูลโคโรนาไวรัส (Coronavirus) ผู้ที่ติดเชื้อจะมีอาการคล้ายกับไข้หวัดใหญ่ เช่น มีไข้สูงกว่า 38 องศาเซลเซียส หรือมีอาการติดเชื้อที่ปอดและทางเดินหายใจ เช่น ไอแห้ง หรือหายใจลำบาก เป็นต้น ทั้งนี้ ไม่เคยมีรายงานผู้ป่วยยืนยันโรคซาร์สภายในประเทศ ยกเว้นเจ้าหน้าที่องค์การอนามัยโลกที่ป่วยด้วยโรคซาร์ส และเดินทางเข้ามารับการรักษาที่ประเทศไทย และไม่มีการติดเชื้อรายใหม่เพิ่มเติม สำหรับประเทศจีน เคยมีโรคซาร์สระบาดเมื่อปี 2546 ทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวน 349 ราย 

อย่างไรก็ตาม ขอประชาชนอย่าตื่นตระหนก ประเทศไทยมีระบบเฝ้าระวัง คัดกรองควบคุมโรคที่มีประสิทธิภาพ หากมีรายงานผู้ป่วยที่สงสัย จะทำการแยกกัก โดยมีการเตรียมความพร้อมทางห้องปฏิบัติการ และทีมสอบสวนโรคติดต่ออันตรายทั้งในส่วนกลางและทุกจังหวัดทั่วประเทศ  ขณะนี้องค์การอนามัยโลกยังไม่มีประกาศห้ามเดินทางไปยังประเทศที่มีรายงานผู้ติดเชื้อปอดอักเสบ

ด้านนายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ขอให้ประชาชนหลีกเลี่ยงการอยู่ในสถานที่แออัด หรือสถานที่ที่มีมลภาวะที่เป็นพิษ ไม่ใช้ของส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น เช่น ผ้าเช็ดหน้า แก้วน้ำ ผ้าเช็ดตัว รักษาร่างกายให้อบอุ่น อยู่เสมอ สำหรับคนที่เดินทางมาจากพื้นที่เสี่ยง โดยเฉพาะเด็กเล็กและผู้สูงอายุ หากมีอาการเริ่มป่วย เช่น มีอาการไข้ ไอ เจ็บคอ มีน้ำมูก ขอให้รีบไปพบแพทย์หรือเจ้าหน้าที่สาธารณสุขทันที เนื่องจากมีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนปอดบวมได้ ประชาชนสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร. 1422