"ออริจิ้น"ลุยทุกทำเลฝ่ามรสุมอสังหาฯ

นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) วิเคราะห์สถานการณ์เศรษฐกิจไทยปี2563 ว่า ใกล้เคียงกับปี2562 ทั้งในเรื่องของตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) เศรษฐกิจในประเทศที่ยังไม่ดี ค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น สงครามทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ที่มีผลกระทบกับประเทศไทย รวมทั้ง รายได้ของคนไทยลดลง จากการท่องเที่ยวและการส่งออกที่ลดลง

ทำให้ปี 2563 ตลาดอาจจะเติบโตนิดหน่อยจากที่ปีแล้วถึงจุดต่ำสุด (Bottom Line) ที่ตลาดหดตัวประมาณ 15% ทั้งยอดขายและยอดโอน อย่างไรก็ตามมาตรการกระตุ้นอสังหาฯ ที่ภาครัฐออกมาช่วงปลายปี 2562 คาดว่า น่าจะส่งดีในปี 2563

ซีอีโอออริจิ้น ยังระบุว่า ความท้าทายในปี 2563 คือการปรับตัวให้ทันกับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นมาตรการรัฐ สภาพเศรษฐกิจ กำลังซื้อ และการแข่งขันในตลาดที่มีแนวโน้มรุนแรงขึ้นจากความพยายามในการระบายสต็อกที่มีอยู่ ในส่วนของออริจิ้น จะเน้นการพัฒนาโครงการในทุกที่ที่มีดีมานด์ หรือดีมานด์ยังแอคทีฟอยู่ จะไม่อยู่แค่ทำเลใจกลางเมืองเหมือนกับบางรายที่ยังคงทำเฉพาะสินค้ากลางเมือง

นอกจากนี้ การขยายส่วนต่อขยายของรถไฟฟ้าสายเขียวเหนือตั้งแต่หมอชิตไปจนถึงเกษตร จะช่วย ซัพพลายคงค้าในย่านรัชโยธินไปจนถึงเกษตรได้ดีขึ้น ส่วนในฝั่งรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ตลาดเริ่มกระเตื้องขึ้นจากการการเปิดตัวโครงการย่านจรัญสนิทวงศ์ ช่วยระบายซัพพลายได้ดีเพราะราคาคอนโดยังถูกมากขณะที่สามารถเดินทางเข้ามากลางเมืองย่านศาลาแดงได้สะดวกขึ้น

“โครงสร้างพื้นฐานเหล่านี้จะเข้ามาช่วยกระตุ้นให้ซัพพลายส่วนเกิน ลดลง หลังจากที่สะดุดจากภาวะ เศรษฐกิจของประเทศไม่ดีควบคู่กับเศรษฐกิจโลก หลังจากที่ผ่านมามีผู้ประกอบการแห่มาลงทุนกันจำนวนมาก ”

เขายังประเมินว่า ปี2563 ผลประกอบการของออริจิ้นน่าจะเติบโต10-15% มากกว่าตลาดรวมที่เติบโต1-2% โตสวนตลาด เป็นผลมาจากการขยายธุรกิจ ทั้งธุรกิจอสังหาฯ และโรงแรม โดยจะมีโปรเจคใหม่ที่เสร็จในปีถัดๆไป แม้ว่าจะไม่ได้บุ๊กรายได้ ทั้งนี้เนื่องจากบริษัทเลือกที่จะทำโครงการที่ตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มลูกค้าเป้าหมายและมีความน่าสนใจแตกต่างจากคู่แข่ง