'สนธิรัตน์' ไม่หนักใจ ฝ่ายค้านยื่นซักฟอก

'สนธิรัตน์' ไม่หนักใจ ฝ่ายค้านยื่นซักฟอก

“สนธิรัตน์” ไม่หนักใจฝ่ายค้านยื่นซักฟอก ติงขอให้ยึดตามกรอบ-กลไกรธน. เน้นการทำงาน 5 เดือน มั่นใจพรรคร่วมรัฐบาลยังลงเรือลำเดียวกัน ประเมินกิจกรรมหนุน-ไล่ลุง ไม่กระทบเชื่อมั่นรัฐบาล พร้อมปรับลุคทำงาน

เมื่อวันที่ 5 ม.ค.63 นายสนธิรัตน์​ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมต่อการรับมือกลุ่มพรรคร่วมฝ่ายค้านเตรียมยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ว่าขณะนี้อยู่ระหว่างติดตามข่าวถึงตัวบุคคลและประเด็นที่พรรคฝ่ายค้านจะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจของพรรคฝ่ายค้าน ทั้งนี้การยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้านเป็นสิทธิที่ทำได้ภายใต้กลไกของรัฐธรรมนูญกำหนด ดังนั้นในการอภิปรายประเด็นใดขอให้ยึดกรอบกติกา โดยเฉพาะประเด็นอภิปรายที่เกี่ยวข้องกับการทำงานของรัฐบาลชุดปัจจุบัน​ ซึ่งรัฐบาล ทุกรัฐมนตรี และทุกกระทรวงพร้อมให้รับการตรวจสอบในช่วงการทำงาน 5 ผ่านมา  ส่วนที่หลายฝ่ายตั้งคำถามว่า รัฐบาลจะตั้งวอร์รูม หรือขุนพลเพื่อรับมือการอภิปรายนอกการทำงานช่วง 5 เดือนหรือไม่นั้น  ยังเร็วไปที่จะระบุในรายละเอียด แต่เรื่องดังกล่าวตนไม่หนักใจ

"รัฐบาล มีความพร้อมที่จะชี้แจงตามกลไกปกติ สำหรับประเด็นที่ฝ่ายค้านบอกว่าจะขุดคุ้ยเรื่องสมัย คสช. นั้น ผมมองว่าต้องเป็นไปตามกรอบของรัฐธรรมนูญที่กำหนดให้ทำได้ แต่หากไม่อยู่ในกรอบ ต้องเป็นกลไกที่รัฐสภาต้องดำเนินการ โดยขณะนี้พรรคร่วมรัฐบาลพร้อมเข้าสู่กระบวนการอภิปรายทันทีเมื่อฝ่ายค้านยื่นญัตติต่อสภาฯ ทั้งนี้ผมเชื่อว่าพรรคร่วมรัฐบาล ฐานะผู้ที่อยู่ในเรือลำเดียวกัน จะร่วมกันทำงาน แม้พรรคพลังประชารัฐ ฐานะแกนนำรัฐบาลจะเป็นเป้าใหญ่ของการอภิปรายครั้งนี้” นายสนธิรัตน์ กล่าว  

เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ กล่าวต่อประเด็นที่สังคมภายนอกจัดกิจกรรทางการเมืองทั้ง วิ่งไล่ลุง และวิ่งสนับสนุนลุง ด้วยว่า กิจกรรมทางการเมืองที่เกิดขึ้นต้องอยู่ภายใตักรอบกฎหมายและประชาธิปไตย ทั้งนี้กิจกรรมที่เกิดขึ้นจะไม่กระทบต่อความเชื่อมั่นของรัฐบาล ที่พร้อมนำพาประเทศไปข้างหน้า สร้างประโยชน์ให้ประชาชน  ทั้งนี้หลังจากนี้พรรคมีแนวทางขับเคลื่อนการทำงาน ผ่านการลงพื้นที่และรับฟังความเห็นจากส.ส., สมาชิกพรรค และอดีตผู้สมัครส.ส.ของพรรคในแต่ละพื้นที่เพื่อรับฟังปัญหาและสะท้อนความต้องการในการทำงานและแก้ปัญหา ซึ่งพรรคพลังประชารัฐ พร้อมขับเคลื่อนและผลักดันนโยบายรัฐบาลลงสู่พื้นที่ต่างๆ โดยเฉพาะปัญหาเร่งด่วนขณะนี้ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ คือ การแก้ปัญหาภัยแล้ง ผ่านการบูรณาการการทำงานทั้งกระทรวงพลังงาน กระทรวงมหาดไทย และภาพใหญ่คือรัฐบาล 

“การปรับโครงสร้างของพรรคพลังประชารัฐ ฐานะพรรคขนาดใหญ่ เป็นการส่งสัญญาณที่พรรคจะยึดโยงกับการทำหน้าที่ของตัวแทนของพรรคในพื้นที่ เป้นกลไกสร้างความเข้มแข็งของพรรค ทั้งนี้เก้าอี้เลขาธิการพรรคของผมยังอยู่ดี” นายสนธิรัตน์ กล่าาว