อาคารใหม่ 'สุวรรณภูมิ' เปิดใช้ พ.ย.นี้ นำระบบ 'รถไฟฟ้าไร้คนขับ' ขนส่งข้ามอาคาร

อาคารใหม่ 'สุวรรณภูมิ' เปิดใช้ พ.ย.นี้  นำระบบ 'รถไฟฟ้าไร้คนขับ' ขนส่งข้ามอาคาร

ทอท.เตรียมเปิดให้บริการสุวรรณภูมิเฟสสอง พ.ย.นี้ หลังงานก่อสร้างแล้วเสร็จ เร่งติดตั้งระบบคืบหน้ากว่า 60% ผู้โดยสารเตรียมทดสอบนั่งรถไฟฟ้าไร้คนขับ เชื่อมอาคารผู้โดยสารหลังปัจจุบัน มั่นใจเพิ่มศักยภาพรองรับได้ 60 ล้านคนต่อปี

นายเอนก ธีระวิวัฒน์ชัย รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน)(ทอท.) เปิดเผยความคืบหน้าโครงการก่อสร้างท่าอากาศยานสุวรรณภูมิระยะที่ 2 วงเงินราว 6.2 หมื่นล้านบาท โดยระบุว่า ภาพรวมของงานก่อสร้างทั้งโครงการปัจจุบันมีความคืบหน้าไปแล้วกว่า 60% ในส่วนของงานโครงสร้างได้ดำเนินการแล้วเสร็จทั้งหมด เหลือเพียงงานสถาปัตยกรรม การตกแต่ง และการติดตั้งงานระบบภายในอาคาร ซึ่งประกอบไปด้วย ระบบตรวจจับวัตถุระเบิด การติดตั้งระบบสายพานลำเลียงกระเป๋า และการติดตั้งระบบขนส่งผู้โดยสารอัตโนมัติ (APM) หรือรถไฟฟ้าไร้คนขับ

สำหรับความคืบหน้างานระบบAPMขณะนี้อยู่ระหว่างติดตั้ง 157805586153 ระบบราง คาดว่าจะแล้วเสร็จเดือน ม.ค.นี้ ส่วนตัวรถอยู่ระหว่างผลิต เป็นรถของบริษัท ซีเมนส์ รุ่น Airval ขบวนแรกคาดว่าจะมาถึงเมืองไทยประมาณเดือน ก.พ.- มี.ค. 2563 หลังจากนั้นจะทยอยนำเข้ามาจนครบ 6 ขบวน โดย 1 ขบวน จะมี 2 ตู้ รวมเป็น 12 ตู้ ใช้ความเร็วสูงสุด 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง รองรับผู้โดยสารได้ประมาณ 210 คนต่อขบวน หรือประมาณ 6 พันคนต่อชั่วโมง โดยจะวิ่งใต้ดินให้บริการรับส่งผู้โดยสารระหว่างอาคารผู้โดยสารหลังปัจจุบัน กับอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 (แซทเทิลไลท์) ระยะทางเกือบ 1 กิโลเมตร ใช้เวลาไม่เกิน 2 นาทีต่อเที่ยว

“ตอนนี้ยอมรับว่าภาพรวมการก่อสร้างถือว่าล่าช้ากว่าแผนเล็กน้อย แต่จะเร่งรัดดำเนินการให้แล้วเสร็จตามกรอบเวลาเดิมประมาณเดือน เม.ย. 2563 จากนั้นจะทดสอบความเสถียรของระบบทั้งหมด คาดว่าจะเปิดบริการได้ประมาณเดือน พ.ย.2563 โดยอาคารแซทเทิลไลท์จะมีทั้งหมด 28 หลุมจอด รองรับเครื่องบินขนาดใหญ่ A380 ได้พร้อมกัน 8 ลำ และอื่นๆ อีก 20 ลำ ในเวลาเดียวกัน เพิ่มขีดความสามารถรองรับผู้โดยสารจาก 45 ล้านคนต่อปี เป็น 60 ล้านคนต่อปี”

รายงานข่าวจากบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) ระบุว่า ความคืบหน้าของการก่อสร้างแต่ละสัญญา แบ่งออกเป็น สัญญา CC1/1 งานก่อสร้างอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 หรืออาคารแซทเทิลไลท์ (SAT1) ชั้น B2, B1 และชั้น G ลานจอดอากาศยานประชิดอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 และส่วนต่อเชื่อมอุโมงค์ด้านทิศใต้ (งานโครงสร้างและงานระบบหลัก) ซึ่งผู้รับเหมา คือ บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) ปัจจุบันก่อสร้างแล้วเสร็จ 100%

ขณะที่สัญญา CC1/2 งานอาคารแซทเทิลไลท์ ชั้น 2-4 และส่วนต่อเชื่อมอุโมงค์ด้านทิศใต้ (งานระบบย่อย) กลุ่มกิจการร่วมค้า PCS ที่ประกอบด้วย บริษัท เพาเวอร์ไลน์ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) และบริษัท ไชน่า สเตท คอนสตรัคชั่น เอนยิเนียริ่ง (ประเทศไทย) จำกัด เป็นผู้รับเหมา ปัจจุบันงานก่อสร้างคืบหน้าประมาณ 70% 157805587452

ด้านสัญญา CC2/1 งานก่อสร้างอาคารสำนักงานสายการบินและที่จอดรถ ด้านทิศตะวันออก โดยมีบริษัท พระราม 2 การโยธา จำกัด เป็นผู้รับเหมา ปัจจุบันงานก่อสร้างคืบหน้าไปแล้วราว 12% ซึ่งตามแผนจะพัฒนาอาคาร 2 ส่วน ด้านหน้าเป็นอาคารสำนักงานสูง 4 ชั้น พื้นที่ประมาณ 35,000 ตารางเมตร ส่วนด้านหลังเป็นอาคารจอดรถ พื้นที่ประมาณ 32,000 ตารางเมตร สามารถจอดรถยนต์ได้ประมาณ 1,000 คัน พร้อมสร้างทางเดินรถเชื่อมต่อกับอาคารจอดรถที่อยู่ข้างเคียง และชานชลาด้านหน้าอาคารผู้โดยสารหลังปัจจุบัน

ส่วนสัญญา CC3 งานจ้างก่อสร้างระบบสาธารณูปโภค บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ILINK เป็นผู้รับเหมา ปัจจุบันงานก่อสสร้างคืบหน้าไปแล้วราว 85% เช่นเดียวกับสัญญา CC4 งานซื้อพร้อมติดตั้งงานระบบขนส่งผู้โดยสารอัตโนมัติ (APM) ทาง ILINK ได้ร่วมมือกับรถไฟฟ้าของบริษัท ซีเมนส์ จำกัด ในการจัดหาระบบรถไฟฟ้ารุ่น Airval สำหรับใช้เชื่อมต่อขนส่งผู้โดยสารระหว่างอาคารผู้โดยสารหลักกับอาคารแซทเทิลไลท์ปัจจุบันภาพรวมงานคืบหน้าไปแล้วราว 40%

และสัญญา CC5 งานซื้อพร้อมติดตั้งงานระบบสาธารณูปโภคสายพานลำเลียงกระเป๋า (BHS) และงานระบบตรวจจับวัตถุระเบิด (EDS) ขาออก นิติบุคคลร่วมทำงานล๊อกซเลย์ – แอลพีเอส ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการ คาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือน เม.ย.2563 157805588764 157805590463