ส่องหุ้นรับนโยบายพลังงาน 'โรงไฟฟ้าชุมชน-อีวี' มาแรง

ส่องหุ้นรับนโยบายพลังงาน 'โรงไฟฟ้าชุมชน-อีวี' มาแรง

หุ้นพลังงานและปิโตรเคมีคึกคักต้อนรับศักราชใหม่ ตอบรับข่าวดีสงครามการค้าเริ่มผ่อนคลาย หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ

ประกาศเตรียมลงนามข้อตกลงการค้าเฟสแรกกับจีนในวันที่ 15 ม.ค. นี้ และเตรียมหารือข้อตกลงเฟสต่อไปทันที หนุนบรรยากาศการลงทุนในตลาดสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลกสดใสขึ้น

แน่นอนว่ากลุ่มพลังงาน น้ำมัน ปิโตรเคมี ซึ่งถูกกดดันหนักในปีที่ผ่านมา จะเป็นกลุ่มแรกๆ ที่ได้รับประโยชน์ เพราะเมื่อสถานการณ์ผ่อนคลาย “สหรัฐ” กับ “จีน” หันหน้ามาเจรจากัน หนุนการค้าโลกฟื้นตัว เศรษฐกิจโลกกลับมาเติบโตอีกครั้ง ส่งผลให้มีความต้องการใช้พลังงานมากขึ้น ขณะเดียวกันสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางที่ทวีความรุนแรงขึ้นระหว่างสหรัฐกับอิหร่าน ทำให้ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกพุ่งแรง ถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยบวกให้กับหุ้นพลังงาน

หันกลับมาดูสถานการณ์พลังงานในประเทศ ราคาน้ำมันก็คงเคลื่อนไหวสอดคล้องไปกับราคาในตลาดโลก ขณะที่นโยบายของกระทรวงพลังงานในปี 2563 ยังคงให้ความสำคัญกับการเดินหน้าขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก เพื่อแก้ปัญหาปากท้องของพี่น้องประชาชน ลดความเหลื่อมล้ำที่เกิดขึ้นในสังคม ตามนโยบายพลังงานเพื่อทุกคน หรือ Energy For All

ดูจากนโยบายที่ประกาศออกมาแล้วมีหลายโครงการน่าสนใจ ทั้งการส่งเสริมการใช้เชื้อเพลิงชีวภาพ น้ำมันบนดินซึ่งนอกจากเป็นพลังงานสะอาดแล้ว ยังช่วยแก้ปัญหาราคาผลผลิตทางการเกษตรตกต่ำ เริ่มต้นนำร่องด้วยการประกาศให้น้ำมันดีเซล บี10 เป็นน้ำมันเกรดมาตรฐาน ปั๊มน้ำมันทุกแห่งทั่วประเทศต้องมี บี10 จำหน่าย ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. ที่ผ่านมา

ถือเป็นการช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนปาล์ม เพราะเมื่อเปลี่ยนมาใช้ บี10 เป็นน้ำมันมาตรฐาน ต้องมีการดูดซับน้ำมันปาล์มดิบ (CPO) ในท้องตลาด มาผลิตเป็นไบโอดีเซล (บี100) ซึ่งเป็นส่วนผสมสำคัญของน้ำมันดีเซล บี10 มากขึ้น หนุนราคาปาล์มดิบและน้ำมันปาล์มดิบพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์

โดยปัจจุบันมีบริษัทซึ่งเป็นผู้ผลิตไบโอดีเซล (บี100) อยู่ไม่กี่ราย เช่น บริษัท โกลบอลกรีนเคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GGC, บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BCP, บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG, บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA

แต่ดูแล้วที่จะได้รับประโยชน์ไปเต็มๆ มี บริษัท โกลบอลกรีนเคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GGC ซึ่งไบโอดีเซลถือเป็นผลิตภัณฑ์หลักของบริษัท และ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG ซึ่งมีโครงการปาล์มคอมเพล็กซ์ สามารถผลิตไบโอดีเซลเกรดพรีเมียมได้ถึง 500,000 ลิตรต่อวัน และน้ำมันปาล์มเพื่อบริโภคอีก 200,000 ลิตรต่อวัน

นอกจากนี้ กระทรวงพลังงานเตรียมเดินหน้ายกระดับราคาพืชพลังงานอีก 2 ชนิด คือ อ้อยและมันสำปะหลัง ด้วยการนำไปผลิตเป็นเอทานอล และเตรียมที่จะประกาศให้แก๊สโซฮอล์ อี20 เป็นน้ำมันเบนซินเกรดพื้นฐานภายในไตรมาส 1 ปี 2563

157823706334

อีกหนึ่งนโยบายเรือธงในปีนี้ คือ โครงการโรงไฟฟ้าชุมชน ซึ่งมีอยู่ 3 รูปแบบ ทั้งให้เอกชนเข้ามาร่วมลงทุนสร้างโรงไฟฟ้ากับคนในชุมชน โดยสนับสนุนให้ชาวบ้านปลูกพืชพลังงาน เช่น หญ้าเนเปียร์, กระถินณรงค์, ไผ่ แล้วขายให้กับโรงไฟฟ้า, โครงการโรงไฟฟ้าประเภท Off Grid ที่ผลิตไฟฟ้าใช้เองในชุมชนไม่ได้ขายไฟเข้าระบบ และโครงการที่เป็นรูปแบบสถานีพลังงานชุมชน ซึ่งจะส่งเสริมให้ชุมชนลงทุนเองทั้งหมด

โดยเฟสแรกจะเริ่มต้นนำร่องด้วยโรงไฟฟ้าชุมชนแบบเร่งด่วน หรือ Quick Win ก่อน ซึ่งเป็นโอกาสสำหรับผู้ประกอบการที่ทำโรงไฟฟ้าก๊าซชีวภาพ เพราะมีหลายโครงการที่เข้าเงื่อนไข โดยก่อนหน้านี้ นายกสมาคมการค้าก๊าซชีวภาพไทย ออกมาระบุว่า โครงการโรงไฟฟ้าชุมชนจะทำให้ผู้ประกอบการที่ได้หยุดก่อสร้างโรงไฟฟ้าก๊าซชีวภาพชีวมวล จำนวน 50 โรง กำลังการผลิต 100 เมกะวัตต์ กลับไปปัดฝุ่นโครงการกันใหม่

ทั้งนี้ คาดว่าจะมีโรงไฟฟ้าที่พร้อมปรับโฉมใหม่เป็นโรงไฟฟ้าชุมชนในรูปแบบเร่งด่วน หรือ Quick Win จำนวน 20 โรง กำลังการผลิต 50 เมกะวัตต์ เช่น โรงไฟฟ้าก๊าซชีวภาพ ของบริษัท ยูเอซี โกลบอล จำกัด (มหาชน) หรือ UAC จำนวน 2 แห่ง ที่จังหวัดขอนแก่น ขณะที่บริษัท นอร์ทอีส รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NER มีโรงไฟฟ้าที่พร้อมจะเข้าร่วมโครงการ 2 โรง กำลังการผลิตรวม 4 เมกะวัตต์ ที่จังหวัดบุรีรัมย์

ส่วนการส่งเสริมการใช้รถยนต์ไฟฟ้าเป็นโอกาสสำหรับผู้ประกอบการอย่างบริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA ซึ่งเป็นผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติไทย ภายใต้แบรนด์ “MINE Mobility” นอกจากนี้ กระทรวงพลังงานวางแผนที่จะเปิดประมูลแหล่งปิโตรเลียมใหม่ในปีนี้ เพื่อสร้างความมั่นคงด้านพลังงาน แน่นอนว่า บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP คงเล็งเห็นโอกาสในครั้งนี้