ดีเอสไอนัดสั่งฟ้อง “แชร์แม่มณี” เผยสำนวนแรกมีผู้ต้องหา 10 ราย ส่วนแม่ข่าย-แม่ทีม รอคดีล็อต 2 พร้อมจับตาธุรกิจปล่อยกู้-ชวนลงทุนเงินดิจิตอล DCEP อาจเข้าข่ายแชร์ลูกโซ่
เมื่อวันที่ 3 ม.ค.63 นายปิยะศิริ วัฒนวรางกูร ผอ.กองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) กล่าวถึงความคืบหน้าการสอบสวนคดีแชร์ออมเงินแม่มณีว่า ขณะนี้พนักงานสอบสวนกำลังเร่งตรวจสอบหลักฐานในสำนวนคดี คาดว่าจะนำสำนวนส่งให้อัยการสั่งฟ้องผู้ต้องหาประมาณ 10 ราย ได้ในวันที่ 8 ม.ค.นี้แน่นอน โดยสำนวนที่มีความเห็นสมควรสั่งฟ้องนี้จะเป็นสำนวนแรก ส่วนคดีที่เป็นความผิดเกี่ยวเนื่องเกี่ยวพัน ดีเอสไอจะขยายผลต่อไป โดยเฉพาะกลุ่มแม่ทีมแม่สายจำนวนมาก ที่จะถูกดำเนินคดีในล็อตถัดไป
นายปิยะศิริ กล่าวถึงกรณีมีผู้ใช้บัญชีไลน์โฆษณาชักชวนให้กู้ยืมเงินลงทุนทำธุรกิจ ดอกเบี้ย 2.85 เปอร์เซ็นต์ต่อปี หรือไม่มีดอกเบี้ย แต่มีเงื่อนไขต้องให้บริษัทเข้าถือหุ้นในธุรกิจด้วย และกรณีชักชวนให้เปิดบัญชีลงทุนเงินดิจิตอลของจีนในสกุลเงิน DCEP ว่า ทั้ง 2 กรณีจะเข้าข่ายเป็นการกู้ยืมเงินอันเป็นการฉ้อโกงประชาชน (แชร์ลูกโซ่) หรือไม่ ขึ้นอยู่กับแผนธุรกิจว่ามีการเสนอผลตอบแทนสูงกว่าที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กำหนดหรือไม่ และมีพฤติการณ์ชักชวนผู้อื่นให้หาลูกทีมร่วมลงทุนเพิ่มหรือไม่ ซึ่งกลุ่มผู้หลอกลวงมักจะออกแบบแผนธุรกิจให้ซับซ้อนดูเป็นมืออาชีพ แต่ส่วนมากเป็นไปไม่ได้ที่จะให้ผลตอบแทนดีกว่า อีกทั้งการซื้อขายสกุลเงินดิจิตอลต้องทำการผ่านนายหน้าที่มีใบอนุญาตศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิตอล จากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เท่านั้น
“ที่ผ่านมาพบว่ามีการชักชวนกันเองโดยไม่ผ่านนายหน้าร้อยละ 90 และเมื่อมีการร่วมลงทุนแล้วก็จะตั้งไลน์กลุ่มชวนต่อกันไปเรื่อยๆ จนกลายเป็นแชร์ลูกโซ่ จึงจำเป็นต้องมีมาตรการจัดการกับแม่ข่าย เพื่อตัดวงจรแชร์ลูกโซ่ ผู้ที่สนใจลงทุนและยอมรับความเสี่ยงก็สามารถลงทุนได้ แต่ห้ามชักชวนผู้อื่นมาลงทุนต่อ ถ้าชักชวนบุคคลอื่นมาลงทุนตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป และพฤติกรรมครบองค์ประกอบความผิดก็ต้องถูกดำเนินคดี”นายปิยะศิริกล่าว