Investment Strategy (2 ม.ค.63)

Investment Strategy (2 ม.ค.63)

แนวโน้มเศรษฐกิจโลกปี 2020 – ยังต้องระมัดระวังต่อไป

หลังจากที่เศรษฐกิจโลกชะลอตัวลงมานานถึงเกือบสองปี ก็เริ่มแสดงสัญญาณการฟื้นตัวทั้งในภาคการผลิตและภาคบริการ ซึ่งเป็นผลมาจากการที่ทั่วโลกดำเนินนโยบายการเงินและการคลังแบบผ่อนคลายในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา บวกกับความคาดหวังว่าความตึงเครียดทางการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ จะคลายตัวลงไป แต่อย่างไรก็ตาม เราเชื่อว่าการฟื้นตัวจะไม่เท่าเทียมกัน และจะยังคงเปราะบางมากในปี 2020 ดังนั้น เราจึงแนะนำให้นักลงทุนคงระมัดระวังต่อไปตลอดปีนี้ โดยเราคาดว่าการลงทุนในหุ้นจะ outperform ตราสารหนี้ใน 1H20 จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกและการบรรลุข้อตกลงทางการค้าระหว่างจีนและสหรัฐ แต่เราคาดว่าความเสี่ยงด้าน downside ของหุ้นจะเพิ่มขึ้นใน 2H20 เนื่องจาก (i) เงินเฟ้อโลกเพิ่มขึ้น (ii) ราคาหุ้นในตลาดแพง และ (iii) ความกลัวว่าจะเกิดความตึงเครียดทางการค้ารอบใหม่ขึ้นอีก ทั้งนี้ หากไม่มีการดำเนินมาตรการทางการคลังที่เหมาะสม (และสามารถปฏิบัติได้) ตลาดหุ้นไทยก็อาจจะ underperform ตลาดอื่น ๆ เพราะอุปสงค์ในประเทศน่าจะลดลงไปเรื่อย ๆ ภายใต้ scenario นี้ เราชอบหุ้น defensive อย่างเช่นกลุ่มโรงพยาบาล ท่องเที่ยว และ กอง REIT

 

เศรษฐกิจโลกจะยังอยู่ในโหมดของการฟื้นตัว อย่างน้อยก็ในช่วงครึ่งแรกของปี 2020

เนื่องจากวันนี้เป็นวันแรกที่ตลาดเปิดทำการในปี 2020 เราจึงจะพูดถึงความคาดหมายในปีนี้สักเล็กน้อย เราคิดว่าตัวเลขเศรษฐกิจที่แกว่งตัวดีขึ้นในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาเป็นสัญญาณที่ดี ซึ่งเป็นผลมาจากภาวะทางการเงินที่ผ่อนคลายลงจากการผ่อนคลายนโยบายการเงิน และความตึงเครียดทางการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ ที่คลี่คลายลงไป ซึ่งจากประมาณการล่าสุดของ IMF ชี้ว่าเศรษฐกิจโลกน่าจะเร่งตัวขึ้นเป็น +3.4% yoy ในปี 2020 จากแค่ +3% (ประมาณการ) ในปี 2019 ซึ่งประเด็นเด่นก็คือปริมาณการค้าโลกที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 3.2% yoy จากแค่ +1.1% (ประมาณการ) ในปี 2019 ซึ่งหมายความว่าตลาดโลกน่าจะอยู่ในโหมด risk-on ต่อเนื่องในเดือนถัด ๆ ไป (ยกเว้นประเทศไทย – ดูรายละเอียดหน้า 2) เราคิดว่าตราสารหนี้จะ underperform หุ้น เพราะอัตราผลตอบแทนจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าตลาดสหรัฐฯ และจีนน่าจะปรับตัวได้ดีจากภาวะความตึงเครียดทางการค้าที่คลายตัวลง แต่เรายังคงแนะนำให้จับตาดูตลาดยุโรป เพราะเศรษฐกิจทางนั้นกำลังเริ่มมีโมเมนตั้ม ซึ่งปัจจัยสำคัญที่ต้องจับตาคือกลุ่มยานยนต์ ซึ่งแสดงการฟื้นตัวอย่างชัดเจนที่สหรัฐฯ และจีนในช่วงสองสามเดือนที่ผ่านมา และหากแนวโน้มนี้ดำเนินต่อไป ยุโรปก็จะเป็นภูมิภาคที่ได้อานิสงส์เต็ม ๆ

 

แนวโน้มของประเทศ G4 ดูดี ยกเว้นญี่ปุ่น

เราคาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะเป็นตัวนำในกลุ่มประเทศ G4 โดยจะเป็นประเทศที่เศรษฐกิจเติบโตอย่างแข็งแกร่งและมั่นคงที่สุดถึงแม้ IMF จะคาดว่าอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในปี 2020 จะชะลอลงเหลือแค่ +2.1% yoy จาก +2.4% ในปี 2019 แต่ที่น่าสนใจก็คือ เศรษฐกิจยุโรป ซึ่งอาจจะเป็นดาวรุ่งในปี 2020 โดยคาดว่าอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจจะเร่งตัวขึ้นเป็น +1.4% จาก +1.2% ในปี 2019 สอดคล้องกับมุมมองของเราที่แนะนำให้จับตาดูยุโรปในปี 2020 ซึ่ง ณ จุดนี้ เราพบว่ามีสี่ปัจจัยที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจยุโรปในปี 2020: (i) สภาวะทางการเงินที่เอื้ออำนวย (ii) แรงสนับสนุนจากนโยบายการคลัง (iii) แรงส่งจากการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมยานยนต์โลก และ (iv) แรงหนุนจากภาวะเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งขึ้นของ emerging market ในขณะเดียวกันเราเชื่อว่าผู้กำหนดนโยบายของจีนจะสามารถคุมให้เศรษฐกิจจีนปีนี้โตได้อย่างมั่นคงที่ระดับ 6.0% - 6.5% เนื่องจากยังมีกระสุนสำหรับดำเนินนโยบายตุนอยู่อีกอย่างเพียงพอ แต่อย่างไรก็ตามเราเชื่อว่าเป้าหมายหลักของจีนจะอยู่ที่เสถียรภาพทางเศรษฐกิจในระยะยาวมากกว่าการกระตุ้นการเติบโตในระยะสั้น เราแนะนำให้หลีกเลี่ยงญี่ปุ่นไปจนกว่าจะเห็นผลกระทบอย่างชัดเจนจากการขึ้นภาษีการบริโภคซึ่งเริ่มใช้มาตั้งแต่เดือนตุลาคม ทั้งนี้ เราคิดว่านโยบายการคลังที่เพิ่งนำออกมาใช้อาจจะยังไม่พอที่จะกระตุ้น GDP เพราะนโยบายกระตุ้นที่ออกมาส่วนหนึ่งเป็นการสนับสนุนให้มีการซื้อที่ดินซึ่งจะไม่ได้ส่งผลต่อการขยายตัวของ GDP โดยนักเศรษฐศาสตร์ประเมินว่าการกระตุ้นโดยนโยบายการคลังจะช่วยหนุนให้เศรษฐกิจปี 2020 โตเพิ่มได้ประมาณ 0.5%