'สมคิด' เร่งเครื่องลงทุนอีอีซี นัด สกพอ.ถกแนวทางขับเคลื่อน

'สมคิด' เร่งเครื่องลงทุนอีอีซี นัด สกพอ.ถกแนวทางขับเคลื่อน

“สมคิด” นัดถก สกพอ. 6 ม.ค.นี้ วางแนวทางขับเคลื่อนอีอีซีปี 63 พัฒนาพื้นที่ต่อเนื่อง การท่องเที่ยว กระจายรายได้ “คณิศ” รับโจทย์ กพอ.ดันแผนสาธารณสุข ดึงเอกชน-อปท.ร่วมทุนศูนย์การแพทย์

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดผยว่า วันที่ 6 ม.ค.2563 จะเดินทางไปตรวจเยี่ยมการทำงานของสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) เพื่อดูแผนงานที่จะขับเคลื่อนในปี 2563 และโครงการสำคัญในระยะต่อไปภายหลังจากที่ในปี 2562 สามารถขับเคลื่อนโครงการที่เกี่ยวข้องกับโครงสร้างพื้นฐานในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ไปได้พอสมควร

ทั้งนี้ ต้องวางแผนการพัฒนาโครงการในระยะต่อไปทั้งในส่วนของโครงการที่เหลือ เช่น โครงการศูนย์ซ่อมอากาศยาน (เอ็มอาร์โอ) รวมถึงโครงการที่เกี่ยวข้องกับอีอีซีเพื่อให้ประชาชนได้รับประโยชน์ในโครงการนี้ในวงกว้าง

สำหรับแผนงานที่จะต้องทำต่อไปในพื้นที่อีอีซีนอกจากเรื่องการติดตามขับเคลื่อนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งเป็นมิติทางเศรษฐกิจในปี 2563 จะต้องมีการขับเคลื่อนในมิติอื่นทั้งในเรื่องของการพัฒนากำลังคนสิ่งแวดล้อม การท่องเที่ยว เพื่อสร้างการกระจายรายและลดความเหลื่อมล้ำในพื้นที่อีอีซีด้วย

“ในอีอีซีบางพื้นที่ประชากรรายได้สูงมาก เช่น ระยองมีจีดีพีอันดับหนึ่งของประเทศ ก็ต้องไปดูว่าจะกระจายรายได้อย่าง ส่วนเรื่องการพัฒนาคน แรงงานก็ได้มีการสั่งการไปแล้วว่าให้ร่วมกับกระทรวงการอุดมศึกษา วิจัยและนวัตกรรมไปจัดทำแผนในการพัฒนาแรงงานโดยใช้โมเดลโคเซ็นของญี่ปุ่นที่มาจับมือร่วมกับสถานศึกษาในไทยแล้วหนึ่งแห่งก็ให้มีการขยายไปยังแห่งอื่นๆด้วยให้มากขึ้น”

มอบ สศช.ทำงานร่วมกัน

นายสมคิด กล่าวว่า เมื่อวันที่ 25 ธ.ค.ที่ผ่านมาได้มอบหมายการบ้านให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อสร้างความต่อเนื่องของการพัฒนาอีอีซี ซึ่งหลังจากมีการผลักดันการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานแล้ว สศช.ต้องร่วมวางแผนพัฒนาอีอีซีระยะต่อไป เช่น การพัฒนาการท่องเที่ยว การดูแลสิ่งแวดล้อม การเพิ่มรายได้ให้กับประชาชาในพื้นที่โดยเน้นการกระจายรายได้ให้มากขึ้น

นอกจากนี้ สศช.จะต้องดูการพัฒนาโครงการเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้ (เอสอีซี) และการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก- ตะวันตก (East-West Economic Corridor) ซึ่งต้องสร้างความเชื่อมโยงพื้นที่เศรษฐกิจดังกล่าวเข้าด้วยกันเพื่อสร้างประโยชน์ทางเศรษฐกิจสูงสุด และเชื่อมโยงกับยุทธศาสตร์อินโดแปซิฟิกที่กำลังได้รับความสนใจจากหลายประเทศ

157745349242

นายกฯสั่งดูแลคนพื้นที่

นายคณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการ สกพอ.กล่าวว่า การทำงานของ สกพอ.ในช่วงที่ผ่านมาได้มีการดำเนินการในเรื่องสำคัญ ซึ่งเป็นหลักในเรื่องการเดินหน้าโครงการในระยะแรก เช่น  การออก พ.ร.บ.เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก พ.ศ.2561 ส่วนการผลักดันโครงสร้างพื้นฐานก็ดำเนินการไปมากพอสมควรในการประมูล

ทั้งนี้ การพัฒนาอีอีซีในภาพใหญ่ทั้งเรื่องกฎหมายและโครงสร้างพื้นฐานจึงถือได้ว่าเดินไปข้างหน้าระดับหนึ่ง ซึ่งในการประชุม กพอ.ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 6 ธ.ค.2562 นายกรัฐมนตรี ให้นโยบายว่าการทำงานของ สกพอ.ในปี 2563 และในระยะต่อไป ให้เน้นการทำงานเรื่องการพัฒนาพื้นที่ คือ การสร้างผลประโยชน์ให้กับคนในพื้นที่โดยเฉพาะการดูแลผู้มีรายได้น้อย รวมทั้งการดูแลสิ่งแวดล้อม การพัฒนาเมืองเพื่อประโยชน์ในพื้นที่ ส่วนเรื่องอื่นก็คงจะให้น้ำหนักในการทำงานลดลง 

นายคณิศ กล่าวว่า การพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนในพื้นที่อีอีซี จะมีการพัฒนาด้านการสาธารณสุข โดยจะนำแผนที่พัฒนาร่วมกับกระทรวงสาธารณสุขในระยะ 5-6 เดือนที่ผ่านมา ผลักดันให้เกิดผลในทางปฏิบัติ 

จัดแผนดูแลสุขภาพชุมชน

หลักการสำคัญของแผนงานที่ กพอ.อนุมัติ คือ การให้จัดทำข้อมูลสุขภาพประชาชนในพื้นที่ให้เป็นข้อมูลชุดเดียวกันเพื่อสะดวกในการนำไปพัฒนาระบบการให้บริการสาธารณสุขแก่ประชาชนได้อย่างเหมาะสม ตามแนวทางการพัฒนาสาธารณสุขในพื้นที่อีอีซีให้มีระบบสาธารณสุขที่ดีขึ้น ได้แก่ การมีโรงพยาบาลที่เพียงพอ ไม่แออัด โดยใช้โรงพยาบาลเอกชนเป็นเครือข่ายของระบบบริการสุขภาพของรัฐ 

รวมถึงการมีระบบรับผู้ป่วยทั่วพื้นที่หรือมีหน่วยบริการปฐมภูมิ เชื่อโยงกับเครือข่ายโรงพยาบาลและสถานพยาบาลในพื้นที่ทุกระดับ มีศูนย์กลางทางการแพทย์ด้านการรักษาพยาบาล (Medical Hub) ให้บริการทางการแพทย์ยุคใหม่ตั้งแต่ระดับยีน และดูแลรักษาผู้สูงอายุ รวมทั้งมีอุปกรณ์ทางการแพทย์และสถานพยาบาลสมัยใหม่ในระดับนานาชาติ รวมไปถึงการวิจัยสาธารณสุขที่ครบวงจร

นอกจากนี้ จะเปิดโอกาสให้รัฐและเอกชนร่วมลงทุนกันในโครการที่เกี่ยวข้องกับสาธารณสุข โดยเป็นการร่วมลงทุนกันระหว่างหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชนและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ในพื้นที่ จัดทำแผนบริการโรงพยาบาลให้คล่องตัว

“เรื่องของสุขภาพและสาธารณสุขได้มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมากำกับดูแลเรื่องนี้แล้วโดยมีปลัดกระทรวงสาธารณสุขเป็นประธาน และอยู่ภายใต้คณะอนุกรรมการบริหารการพัฒนาเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กบอ.) ที่มีนายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธาน เพื่อขับเคลื่อนเรื่องนี้ให้ได้เร็วที่สุด”นายคณิศ กล่าว

เร่งลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน

สำหรับโครงการที่เกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่อีอีซีซึ่งในปี 2563 ต้องดูความคืบหน้าของโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบังเฟส 3 ที่ต้องเร่งดำเนินการแต่ต้องดูในส่วนของคำตัดสินของศาลปกครองสูงสุดด้วยว่าจะตัดสินชี้ขาดออกมาอย่างไร 

ส่วนการเร่งรัดโครงการในส่วนของโครงสร้างพื้นฐานตั้งแต่ 2563 เป็นต้นไป ในส่วนที่โครงการที่มีความล่าช้าจะต้องไปเร่งรัดในช่วงการของก่อสร้างโครงการ ซึ่งทั้งโครงการท่าเรือมาบตาพุดเฟส 3 และสนามบินสามารถที่จะทำได้ ส่วนโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน (ดอนเมือง สุวรรณภูมิ อู่ตะเภา) ต้องไปเร่งรัดในส่วนของการส่งมอบพื้นที่ให้ได้ตามแผนที่วางไว้ ถ้าไม่เร่งก็จะมีปัญหาล่าช้าเหมือนกับโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดงที่ล่าช้ากว่าแผนกว่า 2 ปี 

ส่วนโครงการศูนย์ซ่อมอากาศยาน (MRO) สนามบินอู่ตะเภาคืบหน้าไปมากและคาดว่าข้อตกลงระหว่างบริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) กับบริษัท แอร์บัส ประเทศฝรั่งเศสจะได้ข้อสรุปเดือน ม.ค.2563 

“ความล่าช้าของแผนงานโครงสร้างพื้นฐานในอีอีซีมาจากของภาคเอกชนที่มีการทำผิดพลาดและมีการส่งเรื่องไปที่ศาลซึ่งเมื่อเรื่องไปถึงศาลแล้วก็เป็นเรื่องของกระบวนการที่ต้องดำเนินการไปตามขั้นตอน”นายคณิศ กล่าว