EPCO เตรียมบุ๊คกำไรขายหุ้นโรงไฟฟ้าเวียดนาม520ล้านบาทไตรมาส4/62

EPCO เตรียมบุ๊คกำไรขายหุ้นโรงไฟฟ้าเวียดนาม520ล้านบาทไตรมาส4/62

EPCO เตรียมบุ๊คกำไรขายหุ้นโรงไฟฟ้าเวียดนาม 520 ล้านบาทในไตรมาส 4 /62 หลัง BGC ได้ชำระค่าซื้อหุ้นแล้ว วันนี้ คาดรับส่วนที่เหลือกี 15 % ภายในมี.ค. 63

นายยุทธ ชินสุภัคกุล ประธานกรรมการ บริษัท โรงพิมพ์ตะวันออก จำกัด (มหาชน) หรือ EPCO เปิดเผยว่า ท บริษัท บีจี คอนเทนเนอร์ กล๊าส จำกัด (มหาชน) BGC ได้ชำระเงินค่าซื้อหุ้นโรงไฟฟ้าเวียดนามกำลังการผลิตติดตั้งรวม 99.216 เมกวะวัตต์ ในส่วนที่เหลือ จำนวน 944.25 ล้านบาท ให้บริษัทแล้วในวันนี้ 27 ธ.ค. 2562 จากที่ก่อนหน้าได้วางเงินมัดจำมาแล้ว 125.90 ล้านบาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 1,070.15 ล้านบาท ซึ่งจะมีส่วนที่กันไว้เป็นเงินประกันประมาณร้อยละ 15 ของราคาซื้อขายหุ้นและหนี้ครั้งนี้ และคาดว่าจะได้รับครบภายในเดือนมีนาคม 2563

ทั้งนี้โรงไฟฟ้าดังกล่าว EPCO ลงทุนผ่าน บริษัท อีสเทอร์น พาวเวอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (EP) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ EPCO (โดยบริษัทฯ ถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 75 ของหุ้นทั้งหมดใน EP) ทำการขายหุ้นและหนี้ของบริษัท โซล่าร์ พาวเวอร์ แมเนจเม้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด (SPM) ให้แก่ บริษัท บีจี คอนเทนเนอร์ กล๊าส จำกัด (มหาชน) หรือ BGC มูลค่าประมาณ 1,259 ล้านบาท โดยบริษัทฯ จะนำเงินที่ได้รับไปชำระคืนเงินกู้ เพื่อลดอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนรองรับแผนการขยายธุรกิจในอนาคต


“ดีลนี้ถือเป็นดีลประวัติศาสตร์สำหรับ EPCO โดยมีกำไรที่ได้จากการลงทุนในครั้งนี้ประมาณ 520 ล้านบาท จะบุ๊คเข้ามาทันทีในไตรมาส 4/62 ผลักดันให้ผลการดำเนินงานรอบปี 2562 สร้างสถิตสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และยังคงมองหาโอกาสขยายการลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าโปรเจคใหม่เพิ่มเติม ซึ่งมั่นใจว่าจะช่วยผลักดันผลการดำเนินงานในปี 2563 เติบโตอย่างแข็งแกร่ง”


ทั้งนี้ โรงไฟฟ้าในเวียดนามที่ขายให้กับ BGC เป็นการขายหุ้นและหนี้ทั้งหมด ซึ่งโครงการดังกล่าวทาง EP ได้เข้าไปลงทุนเมื่อราวปลายปี 2561 มีมูลค่าโครงการประมาณ 2,900 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นเงินกู้ 65% และมาจากเงินลงทุน 35% ทั้ง 2 โครงการ มีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าให้กับ Electricity of Vietnam (EVN) เป็นเวลา 20 ปี ในอัตรารับซื้อไฟฟ้า (Feed in Tariff หรือ FIT) ที่ 0.0935 เหรียญสหรัฐ/หน่วย หรือประมาณ 3.11 บาท/หน่วย โดย SPM ลงทุนในโปรเจคดังกล่าว 67% ใช้เงินลงทุนเพียงประมาณ 738 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับราคาที่ขายออกไปครั้งนี้ ทำให้ได้รับกำไรพิเศษจากการลงทุนประมาณ 520 ล้านบาท