'เจาะเทรนด์โลก 2020' เข้าใจผู้ใช้ผ่านเจเนอเรชั่น

1.เบบี้บูมเมอร์ (อายุ 55-73 ปี) ทัศนคติของคนกลุ่มนี้มองว่า อายุเป็นเพียงค่ากลาง (Age-Agnostic) สำหรับเรื่องแฟชั่นและความงาม เขาเหล่านั้นรู้สึกรำคาญเมื่อเห็นโฆษณา Anti-Ageing ที่รีทัชภาพจนดูอ่อนกว่าวัยเกินจริง เทคโนโลยีเริ่มเข้ามามีบทบาทอย่างสูง และเพิ่มโอกาสทางธุรกิจโดยเฉพาะการขนส่งและการเดินทาง ดังนั้น แอพพลิเคชั่นเรียกรถยนต์ที่โฟกัสคนกลุ่มนี้อย่าง GoGoGrandparent จึงมีแนวโน้มการเติบโตที่ดี 

การออกแบบจะเป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างภาพลักษณ์ใหม่ สร้างนวัตกรรม และเพิ่มประสิทธิภาพในการแก้ปัญหาเรื่องวัย เช่น งานออกแบบเฟอร์นิเจอร์สำหรับผู้สูงอายุ การออกแบบพื้นที่ภายในบ้าน รวมไปถึงพื้นที่สาธารณะภายใต้แนวคิดการออกแบบเพื่อทุกคน (Inclusive Design)

2.เจนเอ็กซ์ (อายุ 39-54 ปี) เป็นกลุ่มคนที่มีพลังทั้งเรื่องกำลังการใช้จ่าย การดูแลครอบครัว ตลอดจนการมีส่วนร่วมตัดสินใจทางการเมือง นับได้ว่าเป็นศูนย์กลางของทุกสิ่งอย่าง ด้วยตารางชีวิตที่วุ่นวายและความรับผิดชอบต่อครอบครัว ดังนั้น “Me Time” หรือช่วงเวลาสำหรับตัวฉันจึงเป็นของมีค่าที่สุด

พวกเขามองหากิจกรรมทางสังคมที่เติมเต็มชีวิตได้ในระยะเวลาสั้นๆ ส่งผลให้เกิดกิจกรรมใหม่ เช่น Yoga Brunch ที่รวมการออกกำลังกายเข้ากับการเข้าสังคมไปในตัว นอกจากนี้ยังสนใจนวัตกรรมสินค้าและบริการที่ช่วยประหยัดเวลา เกี่ยวข้องกับสุขภาพ ความเป็นอยู่ รวมไปถึงผลิตภัณฑ์ต้านริ้วรอย

เป็นเจนที่เติบโตมาท่ามกลางความเท่ ดังนั้น คอนเสิร์ต ร้านอาหาร เสื้อผ้า และสินค้าไลฟ์สไตล์ที่ทำให้ Middle Age ได้กลับมารู้สึกเป็น Middle Youth จะสามารถครองใจผู้บริโภคเจนนี้ได้อย่างแน่นอน

3.มิลเลนเนียล (อายุ 23-38 ปี) เป็นเจนที่ชื่นชอบการทำอะไรตามใจตนเองโดยไม่ยึดตามกระแส เป็นมนุษย์ JOMO (Joy of missing out) ที่สามารถเติมเต็มทุกวันได้แม้ไม่ได้ออกจากบ้านผ่านการเสพความบันเทิงทางโลกอินเทอร์เน็ต ยอมจ่ายเงินให้กับประสบการณ์ที่แปลกใหม่ หรือสร้างช่วงเวลาที่ดีสำหรับโพสต์บนโซเชียลมีเดีย

ด้วยเหตุนี้ งานบริการในรูปแบบ Home as a Service จึงเข้ามาตอบรับพฤติกรรมการใช้งานที่อยู่อาศัยภายใต้ข้อจำกัดด้านเนื้อที่และราคาค่าใช้จ่าย บ้านสำหรับชาวมิลเลนเนียลจึงจำเป็นต้องเอื้อแก่การทำงานด้วยเช่นกัน รวมถึงร้านค้าที่ตอบโจทย์ Feel Like Home จะกลายเป็นแลนด์มาร์กใหม่ที่ชาวมิลเลนเนียลจะเข้าไปใช้บริการ ท้ายที่สุดเรื่องราวของผลิตภัณฑ์รักษ์โลกก็เป็นสิ่งที่เจนนี้มองหา

4.เจนซี (อายุ 4-24 ปี) มีทัศนคติเรื่องการเรียนต่อและการทำงานที่แตกต่างจากเจนอื่นๆ ไม่แยกการเรียนและงานออกจากกัน เพราะถือว่าการเรียนคือการเดินทางสู่ชีวิตวัยทำงาน ที่ต้องจับตามองคือความท้าทายในแต่ละวันของเจนนี้มักขึ้นอยู่กับสถานะทางโซเชียลมีเดีย Eco-Friendly กลายเป็นกฎเหล็กของการเลือกซื้อสินค้าและบริการ

เป็นเจนที่กล้าเข้าไปในสังคมต่างเมืองที่มีวัฒนธรรมแตกต่าง ชอบเสพงานศิลปะ และยอมจ่ายเงินเพื่อแลกกับประสบการณ์อันล้ำค่าเพื่อบอกต่อในโลกออนไลน์ ทั้งเวิร์กช็อปงานฝีมือ การทำแคมเปญกับชาวบ้านเพื่อฟื้นฟูสภาพแวดล้อมในฐานะอาสาสมัคร เราเรียกไลฟ์สไตล์นี้ว่า Friendly Digital Nomad

5.อัลฟา (อายุแรกเกิด -9 ปี) เป็นเด็กที่โตมาพร้อมกับเทคโนโลยีดิจิทัลแบบครบครัน เติมเต็มความรู้ด้วยตนเองผ่านอินเทอร์เน็ต อีกทั้งถูกปลูกฝังเรื่องสุขภาวะตั้งแต่วัยเด็ก จึงสามารถปรับตัวและรับกิจกรรมเชิงจิตวิทยาได้ดี ขณะที่ Internet of Toys ของเล่นจะต้องใช้งานได้ในชีวิตประจำวันด้วย เช่น โฮมพ็อต หุ่นยนต์ประจำบ้าน หรืออุปกรณ์ทำความสะอาดที่สามารถโต้ตอบได้ด้วยเสียง ท้ายที่สุดมุมมองเรื่องการเลือกซื้อสินค้าที่ไม่จำกัดเพศ เด็กเจนนี้จะรู้สึกสบายใจที่เดินไปร้านที่จำหน่ายเสื้อผ้าที่ไม่ระบุเพศ แทนการเลือกเข้าร้านเสื้อผ้าผู้ชายหรือผู้หญิงโดยเฉพาะ

ขอบคุณข้อมูลดีๆ อีกครั้งจาก TCDC และสามารถดาวน์โหลด “เจาะเทรนด์โลก 2020” ได้ฟรีทาง tcdc.or.th ภายในยังสรุปเทรนด์สีที่น่าจับตามอง เทรนด์พฤติกรรมผู้บริโภค สังคมและวัฒนธรรม รวมไปถึงเทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อมอีกด้วย