'วีรศักดิ์' ประกาศแผนปี 63 ลุยฟื้นเศรษฐกิจฐานราก

'วีรศักดิ์' ประกาศแผนปี 63 ลุยฟื้นเศรษฐกิจฐานราก

"วีระศักดิ์" วางยุทธศาสตร์กระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก  พัฒนาผู้ประกอบการทุกประเภทธุรกิจ ดันขึ้นทะเบียน 18 สินค้าจีไอ จาก 17 จังหวัด  พร้อมใช้เอฟทีเอหนุนส่งออกสินค้าเกษตร ปลุกกระแสตลาดอัญมณี เร่งฟื้นฟูผลิตภัณฑ์ศิลปหัตถกรรมไทยภาคกลาง

นายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์  เปิดเผยว่า ได้กำหนดยุทธศาสตร์การทำงานในปี 2563 ของหน่วยงานที่อยู่ในความดูแลเพื่อให้ปีหนูทองให้เป็นปีทองของการกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากในทุกมิติ ซึ่งหน่วยงานในสังกัดต่าง ๆ จะปูพรมขับเคลื่อนภารกิจเสริมสร้างความเข้มแข็งและสร้างรายได้ให้แก่เกษตรกร กลุ่มสหกรณ์ วิสาหกิจชุมชน และผู้ประกอบการในท้องถิ่นอย่างเต็มกำลัง   โดยกรมพัฒนาธุรกิจการค้ามีแผนขยายช่องทางการตลาดทั้งออฟไลน์ และออนไลน์ ในรูปแบบ Omni Channel เพื่อเชื่อมโยงการค้าไปยังตลาดระดับภาคและกลุ่มประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อให้ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายทุกกลุ่ม อีกทั้งจะดำเนินการพัฒนาร้านค้าปลีกสู่การเป็น Smart โชวห่วย การผลักดันให้ผู้ประกอบการใช้ช่องทาง e-Commerce เพิ่มขึ้นผ่านแพลตฟอร์ม อี-มาร์เก็ตเพลส ที่มีศักยภาพและเป็นที่นิยม รวมถึง จะมีการขยายตลาดผลิตภัณฑ์ OTOP Select ไปยังท่าอากาศยานเชียงใหม่ และอู่ตะเภาเพิ่มเติมด้ว 157734666732

นายวีรศักดิ์ กล่าวว่า ในส่วนของกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กได้กำชับให้เร่งผลักดันสินค้าเกษตรออกสู่ประเทศคู่เจรจาเอฟทีเอ โดยตนจะนำทีมลุยลงพื้นที่ทั่วประเทศไปพบผู้ประกอบการและเกษตรกรเพื่อชี้ช่องทางค้าขายด้วยตนเองต้องการกระตุ้นให้เกิดการใช้ประโยชน์จากเอฟทีเอและกระจายสินค้าไทยสู่ตลาดโลก โดยเฉพาะสินค้าเกษตรและสินค้าเกษตรแปรรูป ในปี 2563 มีแผนที่จะร่วมลงพื้นที่ทั่วทุกภูมิภาคของไทย เช่น นครสวรรค์ อุตรดิตถ์ ตาก ชัยภูมิ ระยอง ตราด สงขลา และกระบี่ เป็นต้น

สำหรับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากของสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือจีไอที นั้น จากความสำเร็จงานเทศกาลนานาชาติ พลอยและเครื่องประดับจันทบุรี 2019 เมื่อวันที่ 4-8 ธันวาคม 2562 ที่ผ่านมา ดังนั้นในปี 2563 จะยกระดับการจัดงาน ให้ยิ่งใหญ่และเข้มข้นกว่าเดิม ทั้งในแง่การเชิญชวนผู้ประกอบการที่นำสินค้าที่มาจำหน่าย ให้มีปริมาณมากขึ้น มีความหลากกลายและคุณภาพ ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้า รวมถึงการจัดกิจกรรมต่างๆ ทั้งการประมูลพลอย นิทรรศการ และการสัมมนาต่างๆ ที่จะทำให้งานมีความน่าสนใจมากขึ้น มุ่งเน้นจะให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่อุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับไทย และตอกย้ำภาพลักษณ์จังหวัดจันทบุรีในฐานะนครแห่งอัญมณีของโลก 157734671943

กรมทรัพย์สินทางปัญญา มีแผนในการผลักดันสินค้าจีไอ( GI)  ให้ครอบคลุมทุกมิติ โดยใน ปี 2563 ทางกรมจะพิจารณาคำขอขึ้นทะเบียนจีไอ18 สินค้าจาก 17 จังหวัด ประกอบด้วยโอ่งมังกรราชบุรี ,ข้าวขาวกอเดียวพิจิตร , ผ้าหม้อห้อมแพร่ , ลูกหยียะรัง ปัตตานี , ส้มโอทองดีบ้านแท่น ชัยภูมิ , กระเทียมศรีสะเกษ , หอมแดงศรีสะเกษ , พริกไทยจันท์ , เงาะทองผาภูมิ กาญจนบุรี , ข้าวหอมมะลิพะเยา , กลองเอกราช อ่างทอง , ข้าวไร่ดอกข่าพังงา , กล้วยตากสังคม หนองคาย , ทุเรียนชะนีเกาะช้าง ตราด , กาแฟดอยป่าแป๋ลำพูน , สับปะรดบึงกาฬ , ส้มจุกจะนะ สงขลา และกล้วยหอมทองปทุม ขณะเดียวกันก็จะส่งเสริมจีไอ ในต่างประเทศ โดยจะนำสินค้าจีไอ จำนวน 5 รายการ ได้แก่ ทุเรียนปราจีนบุรี และมะพร้าวน้ำหอมราชบุรี ไปจด GI ที่จีน เพราะเป็นสินค้าที่ชาวจีนนิยมบริโภค และ ข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้ ข้าวสังข์หยดเมืองพัทลุง และส้มโอทับทิมสยามปากพนัง ไปจดจีไอ ที่มาเลเซีย รวมไปถึงมีแผนที่จะลงพื้นที่ส่งเสริมการจัดทำคำขอสำหรับสินค้าอัตลักษณ์พื้นถิ่นใหม่ๆ การจัดทำระบบควบคุมคุณภาพสินค้า และส่งเสริมช่องทางการตลาดและการประชาสัมพันธ์ โดยมีเป้าหมายตลาดทั้งในและต่างประเทศ

ในส่วนของศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ (องค์การมหาชน) หรือ SACICT ในวันที่ 16 มกราคม 2563 ตนจะเดินทางลงพื้นที่ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ไปพบผู้ผลิตงานศิลปหัตถกรรมไทยในพื้นที่ภาคกลาง ในการประชุม SACICT Craft Network ครั้งที่ 4 ซึ่งกำหนดจัดขึ้นที่ศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ บางไทร เป็นการเชื่อมโยงเครือข่ายงานหัตถศิลป์ ในกลุ่มผู้ประกอบการงานศิลปหัตถกรรมภาคกลาง กว่า 686 ราย ไฮไลท์ของการประชุมครั้งนี้ตนต้องการชี้ให้ผู้ผลิตเห็นถึงความสำคัญของการจดทะเบียนลิขสิทธิ์ทางการค้าให้กับผลิตภัณฑ์ศิลปหัตถกรรม และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันเพื่อเพิ่มโอกาสทางการตลาด รวมถึงการพัฒนาบุคลากรในแวดวงศิลปหัตถกรรม เน้นการปรับกระบวนการคิด สร้างมุมมองใหม่ให้ช่างผู้ผลิตสามารถผลิตงานศิลปหัตถกรรมที่ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค ต่อยอดเกิดเป็นอาชีพและขายได้จริงในตลาดทั้งในประเทศ