ภารกิจคริสต์มาส 'ตามติดซานต้า-จับตาโสมแดง'

ภารกิจคริสต์มาส 'ตามติดซานต้า-จับตาโสมแดง'

วันคริสต์มาสที่เป็นวันประสูติของพระเยซู ไม่ได้เป็นวันของชาวคริสต์เพียงกลุ่มเดียวอีกแล้ว ทุกวันนี้คนทั่วโลกต่างฉลองวันที่ 25 ธ.ค.ด้วยมิติที่แตกต่างกันไป เรื่องราวที่เกิดขึ้นทั่วโลกในวันนี้จึงหลากหลายทั้งในแง่ของอาณาจักรและศาสนจักร สุข-เศร้าคละเคล้ากัน

เริ่มต้นจากภารกิจติดตามซานตาคลอส หลายสิบปีมาแล้วที่หน่วยป้องกันอากาศยานอเมริกาเหนือ (นอราด) โดยแคนาดาและสหรัฐ ช่วยกันอัพเดตข้อมูลเส้นทางที่ซานตาคลอสส่งของขวัญไปทั่วโลก แต่ปีนี้พิเศษตรงที่เป็นปีแรกที่นักบินอวกาศสหรัฐมาช่วยอัพเดตด้วย

“เราได้รับการยืนยันด้วยตาว่า ตอนนี้ซานต้ากำลังเดินทางอยู่ทางใต้แถวอินเดีย” แอนดรูว์ มอร์แกน เผยผ่านวีดิโอลิงค์ เมื่อ 00.00 น.วันพุธ (25 ธ.ค.) ตามเวลาประเทศไทย จากสถานีอวกาศนานาชาติ (ไอไอเอส) ที่แรงโน้มถ่วงเป็นศูนย์

นอราดแถลงว่า ไอเอสเอสกำลังเดินทางด้วยความเร็ว 27,000 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เหนือพื้นดิน 402 กิโลเมตร “เป็นจุดได้เปรียบในการจับตาการเดินทางรอบโลกของซานต้า นอราดยินดียิ่งกับการสนับสนุนของ พ.อ.มอร์แกนและทีมไอเอสเอส”

จากข้อมูลของนอราด ซานต้าและกวางเรนเดียร์ของเขาออกจากขัั้วโลกเหนือเมื่อเวลา 16.30 น.วันอังคาร (24 ธ.ค.) ตามเวลามาตรฐานกรีนิช (จีเอ็มที) ซึ่งช้ากว่าไทย 7 ชั่วโมง และเข้าใกล้เมืองปุนตา อารีนาสของชิลีเมื่อ 00.48 น. วันพุธ เวลาจีเอ็มที มอบของขวัญไปแล้วว่า 4.3 พันล้านชิ้น

157732152715

นอราดมีฐานปฏิบัติการในเมืองโคโลราโดสปริงส์ รัฐโคโลราโด เป็นหน่วยบัญชาการผสมระหว่างสหรัฐกับแคนาดา มีภารกิจเตือนภัยทางอากาศและทางน้ำทั่วอเมริกาเหนือ เว็บไซต์ www.noradsanta.org มีผู้ร่วมติดตามซานตาคลอสเกือบ 15 ล้านคนจากกว่า 200 ประเทศและดินแดนทั่วโลก

ธรรมเนียมติดตามซานต้าของนอราดเริ่มต้นขึ้นเมื่อปี 2498 เมื่อห้างสรรพสินค้าแห่งหนึี่งในโคโลราโด สปริงส์ ลงหมายเลขโฆษณาสู่ขั้วโลกเหนือผิดไปเป็นเบอร์โทรศูนย์บัญชาการป้องกันทางอากาศ โทรศัพท์สายแรกจากเด็กหญิงคนหนึ่งโทรมาถึงนาวาเอกแฮร์รี ชูพ ของสหรัฐ ที่ตอนนั้นอยู่ในตำแหน่งผู้บัญชาการศูนย์

ชูพทราบทันทีว่าเด็กโทรผิด แต่ก็ยืนยันกับเด็กหญิงว่า ซานต้ากำลังเดินทาง และเมื่อเด็กๆ โทรศัพท์กันมามากเข้าๆ ทหารหน่วยนี้จึงมีภารกิจใหม่นอกเหนือไปจากการป้องกันประเทศ

สามปีต่อมาหน่วยงานนี้กลายเป็นหน่วยผสมระหว่างสหรัฐกับแคนาดา และเปลี่ยนชื่อเป็นนอราด แต่ภารกิจตามติดซานตาคลอสและกวางเรนเดียร์ 9 ตัว ยังได้รับการปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง ตอนนี้ผู้ติดตามซานต้าสามารถทราบได้ผ่านเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ อินสตาแกรมและยูทูบว่าเขาอยู่ที่ใด

ถึงวันนี้มีอาสาสมัคร 1,500 คน มาช่วยทหารรับโทรศัพท์และตอบอีเมลจากเด็กๆ แม้แต่สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง “เมลาเนีย ทรัมป์” ก็มาช่วยด้วย เธอรับฟังเด็กๆ จากทั่วสหรัฐกล่าวถึงของขวัญที่อยากได้จากซานต้า พร้อมเตือนให้พวกเขามอบนมและคุ้กกี้ตอบแทนซานตาคลอสด้วย

ด้านกระทรวงเกษตรสหรัฐแถลง "มิสเตอร์ เอส.นิโคลัส คลอส และกวางเรนเดียร์ของเขาได้รับอนุญาตเดินทางเป็นพิเศษให้เขาประเทศและพร้อมลงจอดบนหลังคา

นอกจากปีนี้จะพิเศษตรงที่ได้รับความร่วมมือจากไอเอสเอสแล้ว นอราดยังต้องสังเกตสัญญาณการยิงขีปนาวุธของเกาหลีเหนือด้วย หลังจากรัฐบาลเปียงยางเคยประกาศเมื่อหลายวันก่อนว่าจะมีของขวัญคริสต์มาสให้สหรัฐในปีนี้ ซึ่งนอราดก็ไม่ได้หนักใจแต่ประการใด

“ขณะที่นอราดปฏิบัติภารกิจดั้งเดิมในการป้องกันอเมริกาเหนือให้พ้นจากภัยคุกคาม เราภาคภูมิใจที่ได้ทำภารกิจตามประเพณีติดตามการเดินทางของซานตาคลอสทั่วโลกต่อไป” แถลงการณ์จากนอราดระบุ

คำขู่เรื่องของขวัญวันคริสต์มาสเกิดขึ้นหลังจาก คิม จองอึน ผู้นำสูงสุดเกาหลีเหนือ ยื่นเส้นตายสิ้นปีนี้ให้สหรัฐยื่นข้อเสนอใหม่สำหรับการเจรจานิวเคลียร์เกาหลีเหนือ และให้ลดความตึงเครียดระหว่างกัน

แต่เมื่อถามประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐ เรื่องของขวัญคริสต์มาสจากเกาหลีเหนือ เขากลับไม่ให้ความสำคัญ เผยว่า สหรัฐจัดการได้ไม่มีปัญหา

“เราจะคอยดูว่ามีอะไรเซอร์ไพรส์ แล้วก็จัดการได้สำเร็จเรียบร้อย คอยดูว่าจะมีอะไร อาจเป็นของขวัญดีๆ สักชิ้น อาจจะเป็นแจกันสวยหรือไม่ก็ทดสอบขีปนาวุธก็ได้” ผู้นำสหรัฐกล่าวเมื่อวันอังคาร ตามเวลาท้องถิ่นจากรีสอร์ทมาร์อลาโกในรัฐฟลอริดา

ตอนที่เตือนเรื่องนี้ เกาหลีเหนือกล่าวหาว่าสหรัฐ พยายามลากการเจรจาลดอาวุธนิวเคลียร์ไปถึงก่อนการเลือกตั้งสหรัฐในปีหน้า และว่า “ขึ้นอยู่กับสหรัฐเพียงผู้เดียวว่าจะเลือกอะไรเป็นของขวัญคริสต์มาส”

บรรดาผู้บัญชาการกองทัพสหรัฐกล่าวว่า สิ่งที่เกาหลีเหนือมอบให้อาจเป็นการทดสอบขีปนาวุธพิสัยไกล ที่เคยระงับไปพร้อมๆ กับการทดสอบระเบิดนิวเคลียร์ตั้งแต่ปี 2560

ซึ่งทรัมป์กล่าวเสมอมาว่า การที่เปียงยางระงับการทดสอบอาวุธเป็นหลักฐานชี้ชัดว่า นโยบายเข้าข้องเกี่ยวกับเกาหลีเหนือของเขานั้นได้ผล

จากอาณาจักรสู่ศาสนจักร สมเด็จพระสันตะปาปา ประมุขศาสนจักรโรมันคาธอลิก ประกอบพิธีมิสซาคืนคริสต์มาสอีฟในมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ บาซิลิกา ที่นครวาติกัน มีพระราชดำรัสถึงความรักที่ไม่มีเงื่อนไข “พระเจ้ายังรักเราทุกคน แม้เราจะทำเรื่องเลวร้ายที่สุดก็ตาม”

สมเด็จพระสันตะปาปาทรงย้ำเรื่องความรักที่ไม่มีเงื่อนไข ในปีที่พระองค์ทรงต่อกรกับการปกปิดเรื่องการล่วงละเมิดเด็กในศาสนจักรโรมันคาทอลิก รายงานข่าวหลายพันชิ้นจากทั่วโลกแฉว่า เด็กจำนวนมากถูกบาทหลวงล่วงละเมิดทางเพศ แต่บาทหลวงอาวุโสช่วยกันปิดข่าว

157732168031

เดือน พ.ค.พระองค์ทรงวางมาตรการที่ไม่เคยมีมาก่อน ให้ใครก็ตามที่ทราบเรื่องการล่วงละเมิดทางเพศต้องรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ และเมื่อไม่กี่วันก่อนพระองค์ทรงยกเลิกกฎการรักษาความลับของศาสนจักร ที่ถูกวิจารณ์ว่ากีดกันบาทหลวงและเหยื่อไม่ให้รายงานเรื่องการล่วงละเมิด

ส่วนที่เมืองเบธเลเฮม ในเขตยึดครองเวสต์แบงก์ของอิสราเอล ที่ชาวคริสต์เชื่อกันว่าเป็นสถานที่ประสูติของพระเยซู ชาวต่างชาติและชาวปาเลสไตน์หลายพันคนมารวมตัวกัน แต่พิธีมิสซาเที่ยงคืนภายในโบสถ์มีคริสตศาสนิกชนเข้าร่วมได้แค่ไม่กี่ร้อยคน รวมทั้งประธานาธิบดีมาห์มุด อับบาสของปาเลสไตน์ ที่เหลืออีกจำนวนมากต้องติดตามจากจอโทรทัศน์ภายนอกท่ามกลางอากาศสดชื่น

แต่ที่น่าเห็นใจคือมหาวิหารนอเทรอดามแห่งกรุงปารีส ที่ไม่สามารถทำพิธีมิสซาวันคริสต์มาสอีฟได้เป็นครั้งแรกในรอบกว่า 200 ปี นับตั้งแต่ปี 2346 เพราะถูกไฟไหม้ใหญ่เสียหายหนักเมื่อเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา

157732187226

แต่ด้วยศรัทธาแข็งแกร่ง ชาวคาทอลิกฝรั่งเศสพากันไปทำพิธีที่โบสถ์แซงต์แยร์แมง โลเซอร์รัวส์ที่อยู่ใกล้เคียงแทน โดยมีพระอธิการแพทริก โชเวต์ เป็นผู้ประกอบพิธี

จูเลียต วัย 16 ปี ผู้เดินทางมา 700 กิโลเมตรจากเอ็กซองโปรวองซ์กับครอบครัว กล่าวว่า แม้ความรู้สึกไม่เหมือนเดิมแต่ก็เป็นพิธีคริสต์มาส และความจริงที่ปฏิเสธไม่ได้คือทุกคนคิดถึงนอเทรอดาม

“เราร้องไห้มาตั้งแต่วันที่ 15 เม.ย. วันนี้ยิ่งร้องไห้หนัก” แดเนียล หญิงชาวปารีสที่เคยทำพิธีที่นอเทรอดามเมื่อปีก่อนเผยความรู้สึก

มหาวิหารมรดกโลกแห่งนี้ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำแซน ถูกเปลวเพลิงเผาผลาญยอดโดมแหลม หลังคา และงานศิลปะมีค่ามากมายมอดไหม้ไปต่อหน้าต่อตาฝูงชน

นอเทรอดามทำพิธีคริสต์มาสมาโดยตลอด 200 ปีที่เต็มไปด้วยความปั่นป่วน รวมทั้งการยึดครองของนาซีช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เคยปิดไปเพียงครั้งเดียวช่วงปฏิวัติต่อต้านคาทอลิก ปลายศตวรรษที่ 18-ต้นศตวรรษที่ 19 ขณะนี้คนงานกำลังเร่งฟื้นฟูซ่อมแซมมหาวิหารแห่งนี้ให้กลับมายิ่งใหญ่อีกครั้งหนึ่ง

ขณะที่ฟิลิปปินส์ ประชาชนต้องฉลองคริสต์มาสกันอย่างเปียกปอน เมื่อพายุไต้ฝุ่นพันฝนเข้าถล่มภาคกลางของประเทศตั้งแต่วันอังคารต่อเนื่องถึงวันคริสต์มาส ประชาชนหลายพันคนติดอยู่ตามท่าเรือหรือศูนย์อพยพ อิทธิพลของพายุพัดหลังคาบ้านปลิว ต้นไม้หักโค่น ไฟฟ้าดับในหลายเมือง

กรมป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนเผยว่า คืนวันอังคารประชาชนกว่า 1 หมื่นคนต้องพักค้างคืนในโรงเรียน สนามกีฬา และสถานที่ราชการที่กลายเป็นศูนย์อพยพ

แม้พายุพันฝนได้อ่อนกำลังลงแล้ววานนี้ แต่มีเส้นทางเดียวกับซูเปอร์ไต้ฝุ่นไห่เยี่ยน ที่เคยคร่าชีวิตประชาชนหรือสูญหายกว่า 7,300 คนเมื่อปี 2556

กรมอุตุนิยมวิทยาฟิลิปปินส์คาดว่า พายุจะพัดผ่านอีกหลายเกาะ ก่อให้เกิดกระแสลมรุนแรงถึงขั้นสร้างความเสียหายได้และฝนตกหนัก ก่อนที่จะสลายตัวในทะเลจีนใต้เช้าวันนี้ (26 ธ.ค.)