ทีวีไดเร็คยกเครื่ององค์กร ตั้ง“ธนะบุล”ซีอีโอคนใหม่ 

นายทรงพล ชัญมาตรกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีวี ไดเร็ค จำกัด (มหาชน) หรือทีวีดี เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อ 23 ธ.ค.ที่ผ่านมา มีมติอนุมัติการปรับโครงสร้างธุรกิจใหม่ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการขยายธุรกิจ สร้างการเติบโตที่ดีในอนาคต และรองรับการเปลี่ยนแปลงในยุคดิสรัปชั่น โดยโครงสร้างใหม่แบ่งเป็น 2 กลุ่มหลัก คือ 1.ธุรกิจเจาะผู้บริโภคโดยตรงหรือB2C (Business to Consumer) เน้นสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านชิ้นเล็ก อุปกรณ์ฟิตเนส เครื่องสำอาง และผลิตภัณฑ์เสริมอาหารฯ ตอบโจทย์ความต้องการกลุ่มเป้าหมาย ส่วนบริษัทที่อยู่ภายใต้กลุ่มนี้ จะทำทีวีชอปปิงเป็นหลัก

2.ธุรกิจที่บริการแก่ภาคธุรกิจหรือ B2B (Business to Business) ซึ่งถือเป็นธุรกิจแนวใหม่ของบริษัทฯ เพื่อรองรับเทรนด์ผู้ประกอบการต้องการให้บริการแก่ลูกค้าโดยตรงมากขึ้น โดยบริษัทมีบริการให้ลูกค้าแบบครบวงจรทั้งหรือเลือกใช้บริการเฉพาะอย่างได้ เช่น ระบบการขายทางโทรศัพท์หรือเทเลเซลล์ การบริหารจัดการคำสั่งซื้อจากคอลเซ็นเตอร์จนถึงมือลูกค้า พร้อมจัดเก็บข้อมูลฯ ส่วนบริษัทที่อยู่ภายใต้กลุ่มธุรกิจนี้ มี 6 บริษัท เช่น ทีวีดี เซอร์วิส ที่ให้บริการคอลเซ็นเตอร์ ระบบจัดการเว็บไซต์ ทีวีดี โบรกเกอร์ ลาสไมล์ ไดเร็ค ซึ่งบริหารคลังสินค้า ส่งสินค้าเงินสด บริหารการคืนสินค้า เป็นต้น

นอกจากนี้ บริษัทยังมีการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งผู้บริหารที่สำคัญในองค์กร โดยเฉพาะ บมจ.ทีวี ไดเร็ค ซึ่งคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติเลื่อนตำแหน่งตนเองเป็น ซีอีโอของกลุ่ม หรือGroup CEO เพื่อขับเคลื่อนการดำเนินธุรกิจบีทูบีมากขึ้น ใช้ความรู้ความสามารถมองหาโอกาสสร้างธุรกิจใหม่ๆ รวมถึงขยายการลงทุนธุรกิจที่มีศักยภาพในยุคดิจิทัล ดิสรัปชั่น พร้อมกันนี้ ได้เลื่อนตำแหน่ง นายธนะบุล มัทธุรนนท์ จากกรรมการผู้จัดการ บริษัท ทีวีดีช้อปปิ้ง จำกัด ขึ้นดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารคนใหม่ของ บมจ.ทีวี ไดเร็ค เพื่อขับเคลื่อนธุรกิจให้บรรลุเป้าหมายตามกลยุทธ์ที่วางไว้

สำหรับนายธนะบุล มีประสบการณ์ทำงานที่หลากหลาย เคยร่วมงานกับธนาคาร ซิตี้แบงค์ และ บจก. ทีบีเอ็ม โซลูชั่น ก่อนจะเข้ามาร่วมงานกับกลุ่มทีวีดี ทั้งนี้ ตำแหน่งดังกล่าว จะมีผลตั้งแต่ 1 ม.ค. 2563

“การดำเนินธุรกิจในปี 2563 เราชูกลยุทธ์ Lean Strategy’ สร้างเสริมธุรกิจ ลดความซ้ำซ้อนของกระบวนการทำงาน บริหารค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนควบรวมกิจการในเครือที่มีลักษณะคล้ายกัน ก่อนหน้านี้ บริษัทมีการปรับภาพลักษณ์องค์กร ยกระดับการทำงานให้ทันสมัย กระตุ้นพนักงานให้ตื่นตัวรับการเปลี่ยนแปลงในยุคปัจจุบันมากขึ้น และมุ่งสร้างการเติบโตให้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ ในปี 2562ดี และคาดว่าว่าทำยอดขายได้ 4,450 ล้านบาท”