“ซีบีอาร์อี”ชี้ต้นทุนที่ดินสูง คอนโดแตะเบรกลดราคา

“ซีบีอาร์อี”ชี้ต้นทุนที่ดินสูง คอนโดแตะเบรกลดราคา

“ซีบีอาร์อี” เผยแม้เศรษฐกิจชะลอ ฉุดยอดการเปิดตัวคอนโดมิเนียม ไตรมาส3ปีนี้ต่ำสุดตั้งแต่ปี58 แต่ราคาขายเฉลี่ยคอนโดยังไม่ลดลง เหตุต้นทุนที่ดินยังสูง จับตาอำนาจซื้อปี 63 ดิ่ง จากหนี้ครัวเรือนพุ่ง เศรษฐกิจชะลอต่อเนื่อง

นางสาวอลิวัสสา พัฒนถาบุตร กรรมการผู้จัดการซีบีอาร์อี ประเทศไทย บริษัทที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำ เปิดเผยว่า แผนกวิจัย ซีบีอาร์อี เห็นว่าหลายปัจจัยไม่ว่าจะเป็นการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัว หนี้ครัวเรือนที่สูง และปริมาณที่พักอาศัยที่เพิ่มขึ้น ทำให้ปี 2562 เป็นปีที่มีความท้าทายอย่างยิ่งสำหรับตลาดที่พักอาศัยในกรุงเทพฯ ผู้พัฒนาโครงการต่างชะลอการเปิดตัวโครงการใหม่เนื่องจากความเชื่อมั่นในตลาดลดลง นอกจากนี้ ยอดขายลูกค้าต่างชาติก็ได้รับผลกระทบจากการที่เงินบาทแข็งค่าและการเติบโตของเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว โดยเฉพาะยอดขายจากผู้ซื้อชาวจีน

ขณะที่ความต้องการซื้อที่พักอาศัยจากผู้ซื้อในประเทศที่ลดลง ส่งผลให้ผู้พัฒนาโครงการต้องขยับวันเปิดตัวโครงการใหม่ออกไป ปรับเปลี่ยนรูปแบบสินค้า และเลื่อนการซื้อที่ดินเพื่อการพัฒนาโครงการ แม้ว่าจะเริ่มต้นปีได้ดีแต่ตลาดก็ชะลอตัวลงอย่างเห็นได้ชัดตั้งแต่ไตรมาส 2 ปี 2562 ในช่วงไตรมาส 3 ปีนี้ แผนกวิจัย ซีบีอาร์อีพบว่า มีการเปิดตัวคอนโดมิเนียมใหม่ย่านใจกลางเมืองในระดับที่ต่ำที่สุดหากเปรียบเทียบกับไตรมาส 3 ปีอื่นๆ นับตั้งแต่ปี 2558 เป็นต้นมา โดยในไตรมาส 3 ปีนี้มีการเปิดตัวคอนโดใหม่เพียง 1,268 ยูนิต ขณะในไตรมาส 3 ปีที่แล้วมีการเปิดตัวคอนโดใหม่จำนวน 7,147 ยูนิต

อย่างไรก็ตาม ซีบีอาร์อีเชื่อว่า ราคาขายเฉลี่ยของคอนโดในกรุงเทพฯ จะไม่ลดลง เพราะต้นทุนที่ดินยังอยู่ในระดับสูง แต่ราคาขายเฉลี่ยจะเพิ่มขึ้นในอัตราที่ลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อน ทั้งนี้ราคาขายเฉลี่ยคอนโดใจกลางกรุงเทพฯ เพิ่มขึ้นเพียง 0.9% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยอยู่ที่ 279,740 บาทต่อตารางเมตร ณ ไตรมาส 3 ปี 2562 ด้านราคาขายเฉลี่ยคอนโดในย่านรอบนอกใจกลางเมืองหรือมิดทาวน์เพิ่มขึ้นเพียง 0.05% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา เป็น 99,943 บาทต่อตารางเมตร ความสามารถในการซื้อจะอีกหนึ่งประเด็นที่สำคัญสำหรับตลาดในปี 2563 เนื่องจากผู้คนมีอำนาจในการใช้จ่ายน้อยลงจากหนี้ครัวเรือนที่เพิ่มขึ้นและภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว

“ด้วยความไม่แน่นอนที่เพิ่มขึ้นในตลาดที่พักอาศัย ผู้พัฒนาโครงการจำเป็นต้องลดและกระจายความเสี่ยงในการลงทุน รวมทั้งเพิ่มช่องทางในการสร้างรายได้ที่หลากหลายมากขึ้น ผู้พัฒนาโครงการหลายรายเริ่มพิจารณาอสังหาริมทรัพย์ที่สร้างรายได้ประจำหรืออสังหาริมทรัพย์ประเภทมิกซ์ยูส โดยเฉพาะบนแปลงที่ดินขนาดใหญ่ เพื่อทำให้โครงการมีความน่าสนใจยิ่งขึ้นจากการใช้ประโยชน์ที่มีความหลากหลายภายในพื้นที่โครงการเดียวกัน นอกจากนี้แหล่งท่องเที่ยวสำคัญ เช่น หัวหิน พัทยา ภูเก็ต และกระบี่ ได้กลายสร้างโอกาสให้กับนักพัฒนาเนื่องจากโครงสร้างพื้นฐานของไทยกำลังขยายตัวอย่างมากและอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวยังคงแข็งแกร่งอยู่"