Green Pulse I "From Bottle to Energy" กับน้ำหอมเมซอง

Green Pulse I "From Bottle to Energy" กับน้ำหอมเมซอง

เมซอง แบร์เช่ ปารีส (Maison Berger Paris) ชูโครงการ Maison Berger Paris “From Bottle to Energy” ในประเทศไทยเป็นครั้งแรก ชวนลูกค้านำขวดน้ำหอมใช้แล้วกลับมาที่จุดรับบริการทั้ง 9 แห่งทั่วกรุงเทพฯ

เพื่อส่งต่อให้กับ เอส ซี ไอ อีโค่ เซอร์วิสเซส นำไปกำจัดขยะประเภทพลาสติก แปลงเป็นเชื้อเพลิงในกระบวนการผลิตอุตสาหกรรมซีเมนต์ ยกระดับการรีไซเคิลลดปริมาณขยะล้นโลก

นนทกานต์ ทัพพะรังสี อึง กรรมการผู้จัดการ บริษัท เบอร์เจอร์ โพรดักส์ (ประเทศไทย) จำกัดเปิดเผยว่า เมซอง แบร์เช่ ปารีส (Maison Berger Paris)ตระหนักและให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมมาโดยตลอด สะท้อนผ่านนโยบายความรับผิดชอบด้านสิ่งแวดล้อมของบริษัทแม่“Maison Berger Paris is Committed to the Future of the Planet”โดยเฉพาะการจำหน่ายขวดน้ำหอมชนิดเติม (REFILL)ทำให้ผู้บริโภคสามารถใช้น้ำหอมคุณภาพระดับพรีเมี่ยมร่วมกับตะเกียงและอุปกรณ์ดิฟฟิวเซอร์ได้อย่างยาวนาน ไม่จำเป็นต้องทิ้งบรรจุภัณฑ์หลัก

จึงช่วยลดปริมาณขยะล้นเมือง ช่วยลดปริมาณการฝังกลบ ได้ส่วนหนึ่ง ในขณะเดียวกันก็ต้องยอมรับว่าปัญหาการใช้พลาสติกครั้งเดียวของขวดน้ำหอมชนิดเติม(REFILL)ยังคงมีอยู่ จึงเป็นที่มาของแนวคิดยกระดับการรีไซเคิลพลาสติกขึ้นไปอีกขั้น ด้วยการพึ่งพาเทคโนโลยีช่วยกำจัดขวดพลาสติกเหล่านั้นให้สามารถนำกลับมาใช้ประโยชน์ได้จริง โดยมุ่งเน้นไปที่กระบวนการแปลงขยะเป็นเชื้อเพลิง นำขวดพลาสติกไปเข้าสู่กระบวนการทำลายและแปลงเป็นพลังงานหมุนเวียนในอุตสาหกรรม

เบอร์เจอร์ โพรดักส์ (ประเทศไทย) จึงริเริ่มโครงการMaison Berger Paris “From Bottle to Energy”ขึ้นที่ประเทศไทยเป็นแห่งแรก โดยจะขอความร่วมมือลูกค้านำขวดน้ำหอมชนิดเติม(REFILL)ที่ใช้แล้ว ส่งกลับคืนมาให้ทางบริษัทฯ เพื่อรวบรวมและนำส่งให้บริษัทเอส ซี ไอ อีโค่ เซอร์วิสเซส จำกัด ผู้เชี่ยวชาญในการกำจัดขยะประเภทพลาสติกเข้าสู่กระบวนการแปลงให้เป็นเชื้อเพลิง นำขวดพลาสติกไปเข้าสู่กระบวนการทำลายและแปลงเป็นพลังงานในอุตสาหกรรมซีเมนต์

ซึ่งขวดน้ำหอมชนิดเติม(REFILL)ของเมซอง แบร์เช่ ปารีส สามารถนำไปบดย่อยให้เป็นเชื้อเพลิงทดแทนแก่โรงงานหรืออุตสาหกรรมซีเมนต์ ใช้เป็นเชื้อเพลิงหลักในการผลิตปูนซีเมนต์ได้ เนื่องจากจัดอยู่ในส่วนที่รับกำจัดได้โดยเตาของปูนซีเมนต์ โดยที่คุณสมบัติของกากจากขวดนี้ ปริมาณค่าต่างๆ ยังคงอยู่ในเกณฑ์ที่กำหนดไว้ โดยเป็นเชื้อเพลิงทดแทนที่ให้ค่าความร้อน ราวครึ่งหนึ่งของเชื้อเพลิงหลักที่ใช้ ทั้งนี้ ขยะพลาสติกจะต้องผ่านการวิเคราะห์และตรวจสอบคุณสมบัติทางเคมีและกายภาพตามเกณฑ์ที่กำหนด

“เราใช้เวลาตลอดทั้งปีเพื่อมองหาวิธีจัดการขยะพลาสติกอย่างครบวงจร ไม่ใช่เพียงการนำขวดน้ำหอมชนิดเติมของเราไปทิ้งลงถังขยะรีไซเคิลแบบทั่วไปเท่านั้น แต่มุ่งยกระดับการจัดการขยะ และมองหากระบวนการจัดการทั้งห่วงโซ่อุตสาหกรรมด้วยการเปลี่ยนขวดพลาสติกใช้ครั้งเดียวให้เป็นเชื้อเพลิง เป็นการใช้ประโยชน์จากขวดพลาสติกที่ใช้แล้วในอีกวัตถุประสงค์ (Re-Purpose)รวมทั้งเป็นการช่วยลดมลพิษทางสิ่งแวดล้อมที่เกิดจากขยะบรรจุภัณฑ์พลาสติกอีกทางหนึ่ง”

นนทกานต์กล่าวต่อว่า โครงการฯจะเริ่มตั้งแต่เดือนธันวาคม2562เป็นต้นไป พร้อมประชาสัมพันธ์เชิญชวนให้ลูกค้านำขวดใช้แล้ว มาใส่กล่องรับขวดน้ำหอมของโครงการฯ ได้ที่สาขาของ เมซอง แบร์เช่ ปารีส ทั้ง9แห่ง ได้แก่ เดอะ เบดรูม คอมพานี ถนนชิดลม,สาขาสยามพารากอน,เมกาบางนา,ไอคอนสยาม,พระราม3,แฟชั่นไอส์แลนด์,เซ็นทรัลอีสต์วิลล์,ชิค รีพับลิค และสาขาพัทยา ซึ่งนอกจากผู้บริโภคจะรู้สึกถึงการมีส่วนร่วมลดปริมาณขยะและผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมแล้ว โครงการฯ ยังมีข้อเสนอพิเศษเพื่อเพิ่มแรงจูงใจ สำหรับลูกค้าที่นำขวดน้ำหอมขนาด1,000มิลลิลิตร หรือขนาด 500 มิลลิลิตร จำนวน3ขวด สามารถแลกรับกระเป๋าผ้าแคนวาส1ใบ กลับไปใช้ประโยชน์ได้อีกด้วย

“ทางโครงการฯ คาดหวังและตั้งเป้าว่าผู้บริโภคจะนำขวดน้ำหอมที่ใช้หมดแล้วกลับคืนมาที่เราร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะเชื่อว่าทุกคนอยากมีส่วนร่วมลดปริมาณขยะอยู่แล้ว ดังนั้นเมื่อได้พบกับโครงการที่สามารถจัดการเรื่องนี้ได้อย่างครบวงจรย่อมกระตุ้นให้ลูกค้าสนใจและให้ความสำคัญกับโครงการนี้อย่างแน่นอน และถึงแม้สิ่งที่ทำนั้นจะไม่ใช่โครงการขนาดใหญ่ แต่เราเชื่อว่าการเริ่มต้นด้วยจุดเล็กๆ แต่อาศัยความร่วมมือกันทุกฝ่าย นอกจากจะสร้างความภูมิใจและช่วยลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมได้อย่างเห็นผลแล้ว ยังมีส่วนผลักดันให้ธุรกิจเดินหน้านำพาเศรษฐกิจของประเทศเติบโตเช่นกัน”