เศรษฐกิจโลกชะลอส่อฉุดท่องเที่ยวปี 63 โตต่ำ

เศรษฐกิจโลกชะลอส่อฉุดท่องเที่ยวปี 63 โตต่ำ

“ททท.” ชี้ท่องเที่ยวไทยปี 63 รายได้ตลาดไทย-ต่างชาติรวม 3.18 ล้านล้านบาท โต 4% รับมือคลื่นท้าทายถาโถม กัดฟันสู้แนวโน้มเศรษฐกิจโลกชะลอ เศรษฐกิจประเทศลูกค้าหลัก “จีน-ญี่ปุ่น-อังกฤษ” โตต่ำ “เวิลด์อีเวนท์”ดูดทัวริสต์ทั่วโลก ขณะบาทแข็งฉุดกำลังซื้อต่างชาติ

ภาคท่องเที่ยวปี2563 น่าจะเป็นอีกปีที่เหนื่อยมากสำหรับผู้ประกอบการท่องเที่ยวไทย เพราะยังต้องเผชิญปัจจัยความท้าทายที่ดาหน้าถาโถมกันไม่หยุด ทั้งดีมานด์นักท่องเที่ยวชะลอการเติบโต จากสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่ไม่เป็นใจ ขณะที่ค่าเงินบาทแข็งค่า เป็นอีกตัวแปรหลักทำให้นักท่องเที่ยวระมัดระวังการใช้จ่ายในไทย หรือตัดสินใจเบนเข็มไปเที่ยวประเทศอื่นที่คุ้มค่ากว่า เช่น เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย

นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดว่าสถานการณ์ท่องเที่ยวไทยปี2563จะเติบโตในระดับใกล้เคียงกับปี2562มีรายได้รวมจากทั้งตลาดไทยและต่างประเทศ3.18ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น4%โดยตลาดต่างประเทศ จะมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติทั้งสิ้น40.8ล้านคน เพิ่มขึ้น2.5%สร้างรายได้ให้แก่ประเทศไทยประมาณ2.02ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น3% ส่วนตลาดในประเทศ คาดว่านักท่องเที่ยวชาวไทยจะเดินทางท่องเที่ยวในประเทศ172ล้านคน-ครั้ง เพิ่มขึ้น3%เกิดการใช้จ่ายสร้างรายได้หมุนเวียนในประเทศไทยเป็นมูลค่า1.16ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น5%

เมื่อโฟกัสทิศทางตลาดต่างประเทศในปี2563พบว่าตลาดที่มีแนวโน้มเติบโตดี ได้แก่ กลุ่มประเทศCLMV (กัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม) มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ เวียดนาม อินโดนีเซีย เกาหลี ไต้หวัน อินเดีย สเปน ยุโรปตะวันออก อิสราเอล และสหรัฐ ส่วนตลาดที่มีแนวโน้มจะฟื้นตัว ได้แก่ จีน สิงคโปร์ และตะวันออกกลาง ด้านตลาดที่มีแนวโน้มทรงตัวหรือชะลอตัว ได้แก่ ญี่ปุ่น ฮ่องกง ยุโรป สแกนดิเนเวีย ออสเตรเลีย และละตินอเมริกา

“16 มาตรการรัฐ” ประคองท่องเที่ยว 

สำหรับปัจจัยหนุน มีมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวของรัฐบาล16มาตรการ อาทิ เพิ่มร้านค้าและจุดคืนVAT Refundและขยายเวลาเปิดด่านชายแดนมาเลเซียและลาวเป็น24ชั่วโมงในช่วงวันหยุด รวมถึงการขยายเวลามาตรการยกเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่า ณ ด่านตรวจคนเข้าเมือง (Visa on Arrival : VoA)จนถึงวันที่30เม.ย.2563และการเปิดเส้นทางบินใหม่ของสายการบินต่างๆ เช่น หางโจว-เชียงราย, เซนได-กรุงเทพฯ, มิวนิค-ภูเก็ต และโดฮา-เชียงใหม่

ขณะเดียวกัน เมืองรองเริ่มเป็นที่รู้จักและได้รับความนิยมระดับโลก เช่น บุรีรัมย์ ได้รับความนิยมติดอันดับTrending Destination 2020จากการสำรวจของแอร์บีแอนด์บี (Airbnb)และ สุโขทัย ได้รับเลือกเป็นเมืองสร้างสรรค์โลกเมืองใหม่ จากการคัดเลือกโดยยูเนสโก (UNESCO)

เศรษฐกิจลูกค้าหลักโตต่ำคาด 

“ด้านปัจจัยท้าทายปี2563ททท.มองว่าเศรษฐกิจของประเทศลูกค้าหลักอาจเติบโตต่ำกว่าคาดการณ์ จากปัญหาของแต่ละประเทศ อาทิ จีน ได้รับผลกระทบจากสงครามการค้ากับสหรัฐ, ญี่ปุ่น ผลกระทบจากขึ้นภาษีVATเมื่อเดือน ต.ค.2562ที่ผ่านมา ปัญหาข้อพิพาททางการค้ากับเกาหลี และผลกระทบจากสงครามการค้าในฐานะประเทศที่อยู่ในห่วงโซ่อุปทานการผลิตของจีน และสหราชอาณาจักรที่เศรษฐกิจชะลอตัวจากความไม่แน่นอนในกระบวนการถอนตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit)ขณะที่แนวโน้มค่าเงินบาทยังคงแข็งค่าต่อเนื่อง”

เวิลด์อีเวนท์ชิงนักท่องเที่ยว

นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมระดับ “เวิลด์ อีเวนท์” ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก ได้แก่ โอลิมปิก2020ประเทศญี่ปุ่น (24ก.ค.-9ส.ค.2563)และ เวิลด์ เอ็กซ์โป2020ที่ดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (20ต.ค.2563 – 10เม.ย.2564)และการแข่งขันสูงทางการท่องเที่ยว เนื่องจากหลายประเทศหันมาตั้งเป้าสร้างรายได้จากธุรกิจท่องเที่ยว และเน้นออกมาตรการอำนวยความสะดวกด้านวีซ่าแก่นักท่องเที่ยว อาทิFree VisaและE-Visaเช่น ไต้หวัน เวียดนาม จอร์เจีย

นายยุทธศักดิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ด้านแนวโน้มตลาดในประเทศปี2563ททท.มองว่าปัจจัยหนุนของตลาดไทยเที่ยวไทย มาจากการสานต่อนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวกระจายสู่เมืองรอง การทยอยเปิดโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ อาทิ รถไฟทางคู่เส้นทางจิระ-ขอนแก่น, เส้นทางมอเตอร์เวย์บางใหญ่-กาญจนบุรี, เส้นทางมอเตอร์เวย์บางปะอิน-นครราชสีมา, เส้นทางบ้านไผ่-มุกดาหาร-นครพนม และสนามบินเบตง จ.ยะลา โดยมีกิจกรรมส่งเสริมตลาดของ ททท.ช่วยขับเคลื่อน เช่น โครงการ60เส้นทางความสุข@เมืองไทย เดอะซีรีย์ และโมโต จีพี2020

“เศรษฐกิจโลกชะลอท้าทายท่องเที่ยว

ส่วนปัจจัยความท้าทาย ยังคงเป็นเรื่องของเศรษฐกิจโลกชะลอตัว เงินบาทที่แข็งค่าต่อเนื่อง รวมถึงการแข่งขันด้านท่องเที่ยว โดยเฉพาะจากประเทศในโซนเอเชีย อาทิ ไต้หวัน ญี่ปุ่น เกาหลี และจีน เช่น การยกเว้นวีซ่าให้นักท่องเที่ยวไทย การเปิดเส้นทางบินใหม่ของสายการบินต้นทุนต่ำ (โลว์คอสต์) ซึ่งเอื้อต่อการดึงดูดนักท่องเที่ยวเดินทางไปท่องเที่ยวและจับจ่ายในต่างประเทศมากขึ้น หลังจากในช่วง11เดือนแรกของปีนี้(ม.ค.-พ.ย.2562) สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองรายงานสถิติว่ามีจำนวนคนไทยเที่ยวต่างประเทศสะสมกว่า12.27ล้านคน เพิ่มขึ้น10%เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว นอกจากนี้ยังมีปัจจัยเรื่องการบริหารจัดการความสามารถในการรองรับของแหล่งท่องเที่ยวและชุมชนด้วย

“แม้ขณะนี้คนไทยจะมีหนี้ครัวเรือนสูงขึ้น และเป็นปัญหาที่ทุกคนกังวล แต่ก่อนนี้เคยมีรายงานเกี่ยวกับพฤติกรรมการท่องเที่ยวของคนไทย ระบุว่าคนไทยยังชอบเที่ยว แม้ไม่มีรายได้มากนัก ส่วนหนึ่งเป็นการเที่ยวไปด้วยเยี่ยมญาติไปด้วย ททท.จึงมองว่าปัญหาหนี้ครัวเรือนอาจจะไม่กระทบต่อการท่องเที่ยวนัก แต่เศรษฐกิจที่ชะลอการเติบโตต่างหากที่ทำให้คนไทยระมัดระวังการใช้จ่ายด้านท่องเที่ยว” ผู้ว่าการ ททท. กล่าว

  157702911091